หลายคนคิดว่า พรมเช็ดเท้า แบบไหนก็คงจะเหมือน ๆ กันทั้งนั้น จะซื้อแบบไหนมาวางตามห้องที่ต้องการก็ได้ แค่เลือกลวดลายหรือเลือกเฉพาะสีที่ชอบก็พอ แต่จริง ๆ แล้ว พรมเช็ดเท้า แต่ละแบบแต่ละวัสดุแต่ละดีไซน์มีคุณสมบัติและจุดเด่นไปจนถึงข้อด้อยที่มีความแตกต่างกันออกไป แน่นอนว่าแต่ละแบบนั้นก็จะเหมาะกับการใช้งานในแต่ละห้องแต่ละสถานการณ์ การดูแลรักษาหรือการทำความสะอาดก็ไม่เหมือนกัน แล้ว พรมเช็ดเท้า สำหรับแต่ละห้องของบ้านจะต้องมีลักษณะอย่างไร ทำจากวัสดุอะไร เลือกคุณสมบัติแบบไหนให้เหมาะสมกับการใช้งาน ตามไปดูพร้อมกัน

พรมเช็ดเท้า ไอเทมของดีคู่พื้นบ้าน ด่านแรกของการดักจับฝุ่นละอองและสิ่งสกปรก
พรมเช็ดเท้า เป็นไอเทมที่ต้องมีติดบ้านไว้อย่างน้อย ๆ 1 ผืน หรือบางบ้านอาจจะซื้อไว้ใช้งานสำหรับทุกห้องเลยก็มีเช่นกัน เพราะเป็นไอเทมสำคัญและจำเป็นที่ถูกออกแบบมาให้ช่วยกรองและดักจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก คราบน้ำ ความชื้น ไปจนถึงสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่อาจจะติดเท้าหรือรองเท้ามาจากนอกบ้าน ไม่ให้หลุดรอดเข้าไปภายในตัวบ้านหรือห้องต่าง ๆ ได้ ช่วยให้พื้นบ้านสะอาด ลดเวลาลดแรงที่จะต้องทำความสะอาดลง และยังสามารถช่วยลดโอกาสการอุบัติเหตุอย่างการลื่นล้มจากการเหยียบสิ่งแปลกปลอมได้ และ พรมเช็ดเท้า ช่วยเพิ่มดีเทล เติมสีสันเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับตัวบ้านหรือบริเวณที่วางด้วย ทำให้บ้านแลดูสวยลงตัวมากขึ้นกว่าเดิม เรียกว่า พรมเช็ดเท้า เป็นไอเทมคู่พื้นบ้านที่แทบจะขาดไม่ได้ จะต้องมีไว้ใช้งานเพื่อประโยชน์ใช้สอยในการดักจับฝุ่นและสิ่งสกปรก พอ ๆ กับการมี พรมปูพื้นห้อง หรือการเลือกเฟอร์นิเจอร์ชิ้นอื่น ๆ เอาไว้ประดับตกแต่งห้องต่าง ๆ เลยทีเดียว

เลือก พรมเช็ดเท้า ให้เหมาะกับการใช้งานของห้อง ต้องเลือกจากอะไรบ้าง?
สำหรับขั้นตอนในการเลือก พรมเช็ดเท้า ว่าจะต้องเลือกแบบไหนให้เหมาะสมกับการใช้งาน เพื่อให้เกิดประโชน์อย่างแท้จริงและเหมาะกับห้องนั้น ๆ จะต้องเริ่มต้นดูจากลักษณะการใช้งาน และตำแหน่งที่ต้องการเอาไปวาง เพื่อให้ พรมเช็ดเท้า ที่เลือกมาตอบโจทย์และเหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด จากนั้นจึงค่อยเลือกที่สีสันและลวดลายที่ต้องการหรือเหมาะกับสไตล์การตกแต่งห้อง เราสามารถแบ่งลักษณะการใช้งานออกได้ 2 ลักษณะและตำแหน่งในการใช้งานจุดใหญ่ ๆ ดังนี้
- พรมเช็ดเท้า สำหรับใช้งานภายในบ้าน โดยปกติแล้วบ้านก็มักจะประกอบไปด้วยห้องและส่วนต่าง ๆ มากมาย ตามแต่ความต้องการของเจ้าของบ้าน หลัก ๆ แล้วก็จะมีห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าว ห้องครัว ห้องน้ำ ห้องนอน ห้องดูหนัง ห้องทำงาน ไปจนถึงห้องโถง แตกต่างกันไปตามแปลนของแต่ละบ้าน ดังนั้นการเลือก พรมเช็ดเท้า ก็จะต้องแตกต่างไปตามลักษณะของการใช้งานของห้องที่จะนำไปจัดวาง ยกตัวอย่างเช่น
ห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่นที่มีการใช้งานค่อนข้างพลุกพล่านตลอดทั้งวันก็อาจจะต้องเลือกวัสดุพรมที่ค่อนข้างทนทาน และทำความสะอาดง่าย แต่ยังคงมีดีไซน์และรูปลักษณ์ภายนอกที่สวยงามด้วย เช่น พรมอะคริลิก พรมไนลอน
ห้องน้ำซึ่งเป็นห้องที่จะขาดพรมไปไม่ได้เลย เพราะจะต้องเอาไว้สำหรับเช็ดเท้าที่เปียกจากการใช้งานห้องน้ำให้แห้งสนิทก่อนจะเดินออกไปยังส่วนอื่น ๆ ของบ้าน ดังนั้นพรมสำหรับห้องน้ำก็จะต้องทำจากวัสดุที่ดูดซับน้ำได้ดีเยี่ยมและจะต้องแห้งไว เช่น โพลีเอสเตอร์ที่คุณภาพดี พรมเส้นตัวหนอนไมโครไฟเบอร์ หรือทำจากหินธรรมชาติ เป็นต้น
ห้องนอนที่ไม่ค่อยมีการใช้งานหนักมากนัก ก็สามารถเลือกพรมที่มีความหนานุ่มสบายเท้าได้เลย เช่น พรมขนสัตว์สังเคราะห์ พรมนาโนสัมผัสนุ่มเท้า เป็นต้น

- พรมเช็ดเท้า สำหรับใช้งานนอกบ้าน ไม่เพียงแต่พื้นที่ภายในบ้านเท่านั้น ที่ต้องใช้ พรมเช็ดเท้า ในส่วนของพื้นที่นอกบ้าน กลางแจ้ง หรือรอบ ๆ บริเวณบ้าน ตามทางเข้าออกประตูทุกจุด ก็ควรมี พรมเช็ดเท้า สำหรับเอาไว้ใช้งานเช็ดเท้าวางไว้ด้วยเช่นกัน ซึ่งคุณสมบัติเด่นของ พรมเช็ดเท้า ประเภทนี้ที่ควรมีก็คือ ความทนทาน ความแข็งแรง ไม่ว่าจะโดนแดด โดนฝน โดนฝุ่นละออง เศษหินเศษดิน หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ก็ยังคงสภาพเดิม ไม่ชำรุดหรือฉีกขาดง่าย เน้น พรมเช็ดเท้า ที่มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ไม่ต้องดูแลรักษามากนัก และแน่นอนว่าต้องทำความสะอาดง่าย ตัวพรมจะต้องไม่สกปรกง่าย โดยส่วนมากมักจะเป็นพรมที่ทำจากวัสดุที่สามารถดักจับฝุ่นได้ เช่น วัสดุไวนิล วัสดุ PVC หรือทำจากยาง มีแผ่นกันลื่นใต้พื้นพรมเพื่อป้องกันการลื่นจากการโดนฝนหรือมีความชื้นสะสม ถ้าพรมเริ่มมีเศษดินเศษหินหรือคราบสกปรกสะสมก็แค่สะบัดออกหรือใช้น้ำฉีดล้างทำความสะอาดแล้วผึ่งให้แห้งก็เพียงพอแล้ว หรือ พรมเช็ดเท้า ทำจากวัสดุธรรมชาติอย่างใยมะพร้าวที่ช่วยซับพวกคราบโคลนหรือน้ำที่ติดมากับรองเท้าได้ค่อนข้างดี เวลาทำความสะอาดก็เพียงแต่ผึ่งให้แห้งเพื่อลดความอับชื้นของใยมะพร้าว ป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อราและช่วยยืดอายุของใยมะพร้าวให้ยังคงใช้งานต่อได้แบบคุ้มค่าคุ้มราคานั่นเอง

ทั้งหมดนี้ก็คือข้อมูลดี ๆ ของการเลือก พรมเช็ดเท้า แต่ละแบบแต่ละวัสดุที่มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ที่จะช่วยเป็นด่านแรกในการปกป้องบ้านจากฝุ่นละอองและสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่จะทำให้บ้านดูสกปรกหรือดูหมอง ช่วยเพิ่มลูกเล่นและความน่าสนใจให้กับบ้านได้มากขึ้น ปัจจุบัน พรมปูพื้น ราคา มีให้เลือกเริ่มต้นตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันหลักหมื่น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในการใช้งาน ซึ่งการเลือก พรมปูพื้นห้อง ก็จะต้องเลือกให้ตอบโจทย์การใช้งานของแต่ละห้องแต่ละพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกบ้านเพื่อให้ใช้งานได้แบบคุ้มค่าและคุ้มราคามากที่สุด นอกจากนี้ยังแนะนำให้เลือกพรมที่มีสีสันและเข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้านได้อย่างกลมกลืนอีกด้วย