
หนึ่งในไอเทมที่ช่วยเติมเต็มสไตล์ให้กับพื้นที่ต่างๆ อย่างที่เราคาดไม่ถึง ก็คือ โคมไฟติดผนัง หรือ Wall lamp สุดเก๋ ซึ่งเป็นทั้งตัวช่วยให้ความสว่างไสว พร้อมยังทำให้แต่ละพื้นที่ของบ้านมีลูกเล่นที่น่าสนใจยิ่งขึ้นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการสร้างบรรยากาศอบอุ่นในห้องนั่งเล่น หรือสร้าง vibe สุดโรแมนติกให้กับโต๊ะอาหาร เป็นต้น ใครที่กำลังสนใจไอเทมชิ้นนี้อยู่ ในวันนี้เราก็มีหลักการเลือกซื้อพร้อมกับ 8 สิ่งที่ต้องพิจารณาในการเลือก โคมไฟติดผนัง มาฝากกัน
หลักการเลือก โคมไฟติดผนัง และสิ่งที่ต้องคำนึงถึง
1. จุดประสงค์การใช้งาน
ก่อนการเลือกโคมไฟแต่ละดวง เราจะต้องกำหนดว่าจุดประสงค์การใช้งานหลักนั้นคืออะไร ใช้เป็นแสงสว่างหลัก (เช่น อ่านหนังสือ ทำงาน ส่องทางเดิน) ใช้เน้นจุดเด่น (เช่น ให้แสงกับภาพวาด งานศิลป์) ใช้สร้างบรรยากาศ (เช่น ในห้องอาหาร ห้องนอน) หรือใช้เป็นไอเทมประดับตกแต่ง (เช่น โคมตกแต่งในห้องรับแขก หรือโถงทางเดิน)
การรู้หน้าที่การใช้งานที่แน่ชัดจะช่วยให้เราสามารถเลือกดีไซน์ รูปแบบของแสง และความสว่างของโคมไฟได้อย่างเหมาะสม

2. ความสว่างและแสง
โคมไฟและหลอดไฟแต่ละแบบนั้นมีระดับความสว่างและรูปแบบของแสงที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งเราสามารถเลือกได้ตามการใช้งานและความเหมาะสมของพื้นที่ ตัวอย่างเช่น:
- แสงแบบปล่อยแสงตรง (direct) จะมีลำแสงเป็นเส้นตรงและโฟกัสไปยังพิกัดเฉพาะจุด เช่น ไฟส่องทาง ไฟอ่านหนังสือ ไฟสปอร์ตไลท์ หรือไฟในพื้นที่จัดแสดงงานศิลป์ ซึ่งไฟรูปแบบนี้อาจไม่เหมาะกับพื้นที่ที่ใหญ่เกินไปและต้องการแสงสว่างเป็นวงกว้าง
- แสงแบบกระจาย (diffused) ลำแสงจะกระจายออกมาอย่างนุ่มนวลและทั่วถึง โดยไม่มีจุดโฟกัสที่ชัดเจน ซึ่งลักษณะแสงแบบนี้เกิดจากฝาครอบโคมไฟหรือวัสดุที่ช่วยกระแสงแสงไฟ แสงรูปแบบนี้เหมาะกับการใช้งานทั่วไปและการสร้างบรรยากาศ เช่น ภายในห้องนั่งเล่น ห้องอาหาร หรือห้องนอน
นอกเหนือจากนี้ เฉดสีของแสงไฟก็เป็นสิ่งที่เราต้องพิจารณาเช่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น เราอาจเลือก โคมไฟติดผนัง ที่ให้แสงโทนอุ่น (warm light) ในระดับความสว่างปานกลาง สำหรับการสร้างบรรยากาศอบอุ่นในห้องนั่งเล่น ในขณะที่โคมในห้องทำงานก็อาจเลือกโคมที่มีแสงสีขาวหรือสีธรรมชาติ ซึ่งมีระดับความสว่างเพิ่มขึ้นมา
3. ดีไซน์และสไตล์ของบ้าน
โคมไฟติดผนัง ที่เราเลือกควรมีดีไซน์ สีสัน และวัสดุที่กลมกลืนหรือเข้ากับสไตล์การตกแต่งบ้านโดยรวม ตัวอย่างเช่น เราอาจเลือกโคมไฟที่มีดีไซน์เรียบง่าย มีเส้นสายสะอาดตา ซึ่งทำจากวัสดุผสมในโทนสีพื้น อย่างสีขาว สีเทา หรือสีดำ ให้กับบ้านสไตล์โมเดิร์น แต่หากเป็นห้องที่ตกแต่งแนวย้อนยุคตามสไตล์วินเทจ ก็อาจเลือกโคมไฟที่ดีไซน์มีรายละเอียดซับซ้อนขึ้น หรือมีฉลุลวดลายวิจิตรงดงาม ซึ่งทำจากโลหะสีเข้ม ทองเหลือง หรือไม้เคลือบเงา เป็นต้น

4. ขนาด
แน่นอนว่าขนาดของโคมไฟควรมีความสมดุลกับขนาดของพื้นที่ เช่น การเลือกโคมไฟขนาดเล็กสำหรับพื้นที่ที่จำกัด และเลือกโคมไฟขนาดใหญ่สำหรับพื้นที่กว้างหรือบริเวณนอกบ้าน ทั้งนี้ นอกจากขนาดของตัวโคมไฟเองแล้ว ความเข้มแสงและระดับการกระจายแสงก็ควรมีความเหมาะสมกับขนาดพื้นที่ด้วยเช่นเดียวกัน
5. ตำแหน่งที่ติดตั้ง
ตำแหน่งติดตั้งโคมไฟเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เราต้องคำนึงถึงก่อนเลือกซื้อ เช่น หากเป็นโคมไฟสำหรับใช้งานนอกบ้าน ก็ต้องเลือกโคมที่สามารถกันน้ำ กันฝุ่น และกันแมลงได้ รวมถึงทำจากวัสดุที่มีความทนทานสูงเป็นพิเศษ ซึ่งเหมาะกับการติดตั้งนอกบ้านโดยเฉพาะ
นอกจากนี้ จุดติดตั้งโคมไฟก็เป็นสิ่งที่ต้องคาดคำนวณให้ดีเช่นกัน โดยควรติดโคมไฟในตำแหน่งที่ให้แสงกระจายทั่วถึง ไม่รบกวนสายตา และไม่ทำให้เกิดเงาที่ไม่พึงประสงค์ เช่น หากเป็นโคมไฟเพื่อใช้ทำงานหรืออ่านหนังสือ ก็ควรติดตั้งห่างจากจุดใช้งานในระดับความสูงที่เหมาะสม

6. ฟังก์ชั่นเพิ่มเติม
โคมไฟติดผนัง บางรุ่นอาจมาพร้อมกับฟังก์ชันพิเศษที่ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน ตัวอย่างเช่น โคมไฟที่ปรับระดับความสว่างได้ (dimmable) ซึ่งเหมาะกับทั้งห้องนอน ห้องทำงาน และโต๊ะอ่านหนังสือ หรือโคมไฟที่ปรับองศาเพื่อเน้นจุดต่างๆ ได้ ซึ่งเหมาะกับการใช้งานหลากหลายรูปแบบ เช่น การสร้างจุดเด่นให้กับชิ้นงานศิลปะ เป็นต้น
7. ความปลอดภัยและคุณภาพ
การเลือกโคมไฟและหลอดไฟควรคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก โดยพิจารณาชนิดของโคมและหลอดไฟที่เหมาะกับการใช้งานเป็นหลัก สำหรับพื้นที่ปกติและการใช้งานทั่วไปทั้งภายในและภายนอกบ้าน ควรเลือกใช้หลอดไฟ LED ที่ประหยัดพลังงานและมีความปลอดภัยสูง เนื่องจากมีความร้อนน้อยกว่าหลอดไฟแบบไส้ รวมถึงผลิตภัณฑ์ที่เลือกก็ต้องผ่านการรับรองมาตรฐานสากล ( เช่น UL และ CE) หรือมาตรฐานของไทย (มอก.) นอกจากนี้ ควรแน่ใจว่าวัสดุที่ใช้เป็นชนิดที่ปลอดไฟฟ้าสถิตย์และกันไฟฟ้ารั่ว ทั้งนี้ก็เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานระยะยาว
8. ความง่ายในการติดตั้งและบำรุงรักษา
เพื่อลดความยุ่งยากในขั้นตอนการติดตั้ง ดูแล และบำรุงรักษา โคมไฟติดผนัง ในอุดมคติของเราจึงควรเป็นแบบที่ติดตั้งง่าย กันฝุ่น กันแมลง และไม่ยุ่งยากในการเปลี่ยนหลอดไฟหรือทำความสะอาด รวมถึงควรใช้หลอดไฟชนิดที่หาได้ทั่วไป เพื่อที่สมาชิกในบ้านจะได้สามารถดำเนินการเองได้โดยที่ไม่ต้องขอความช่วยเหลือจากช่างทุกครั้ง

กล่าวโดยสรุปแล้ว การเลือก โคมไฟติดผนัง ที่ตรงใจให้กับบ้านจะต้องคำนึงถึงทั้งวัตถุประสงค์การใช้งาน รูปลักษณ์ดีไซน์ ขนาด ตำแหน่งติดตั้ง ความปลอดภัย ไปจนถึงรูปแบบและความเข้มของแสง ซึ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้โคมไฟสุดเก๋ของเราสามารถใช้ประโยชน์จากความสว่างไสวและเติมเต็มบรรยากาศของบ้านได้อย่างลงตัวที่สุดนั่นเอง