Skip to content

Welcome to Lounge Lovers Store

Lounge Lovers
Previous article
Now Reading:
การประเมินมูลค่า: เก้าอี้กินข้าวดีไซเนอร์รุ่นไหนน่าลงทุนและมีมูลค่าเพิ่ม
Next article

การประเมินมูลค่า: เก้าอี้กินข้าวดีไซเนอร์รุ่นไหนน่าลงทุนและมีมูลค่าเพิ่ม

เก้าอี้กินข้าวอาจดูเหมือนเป็นเพียงเฟอร์นิเจอร์ธรรมดาในบ้าน แต่สำหรับนักสะสมและผู้หลงใหลใน interior design แล้ว เก้าอี้กินข้าวดีไซเนอร์คืองานศิลปะที่มีชีวิตและเป็นการลงทุนที่อาจให้ผลตอบแทนงดงามในอนาคต ในปัจจุบัน เก้าอี้กินข้าวไม่ได้มีไว้เพียงเพื่อนั่งรับประทานอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดโฟกัสที่สามารถยกระดับบรรยากาศของห้องอาหารและบ่งบอกถึงรสนิยมของเจ้าของบ้านได้อย่างชัดเจน

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจโลกของเก้าอี้กินข้าวดีไซเนอร์ที่น่าลงทุน พร้อมวิเคราะห์ว่ารุ่นไหนมีแนวโน้มจะมีมูลค่าเพิ่มในอนาคต เพื่อให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกซื้อได้อย่างชาญฉลาด ทั้งในแง่ของการใช้งานและการลงทุน

ทำไมเก้าอี้กินข้าวดีไซเนอร์ถึงมีมูลค่าสูง

เก้าอี้กินข้าวดีไซเนอร์มีมูลค่าสูงด้วยเหตุผลหลายประการ ไม่ใช่เพียงเพราะแบรนด์หรือชื่อเสียงของนักออกแบบเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัจจัยสำคัญอื่นๆ ดังนี้:

ประวัติศาสตร์และความเป็นมา

เก้าอี้กินข้าวที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดังมักมีเรื่องราวและประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจ บางรุ่นถูกออกแบบในช่วงเวลาสำคัญของประวัติศาสตร์การออกแบบ เช่น ยุค Mid-Century Modern หรือ Bauhaus ซึ่งทำให้มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และเป็นที่ต้องการของนักสะสม

ตัวอย่างเช่น เก้าอี้ Wishbone Chair ที่ออกแบบโดย Hans J. Wegner ในปี 1949 ยังคงเป็นที่นิยมและมีมูลค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นไอคอนของการออกแบบสไตล์สแกนดิเนเวียน

วัสดุและงานฝีมือ

เก้าอี้กินข้าวดีไซเนอร์มักผลิตจากวัสดุคุณภาพสูงและผ่านกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน บางรุ่นยังคงใช้เทคนิคงานฝีมือดั้งเดิมที่ต้องอาศัยทักษะเฉพาะทาง ทำให้แต่ละชิ้นมีความพิเศษและเป็นเอกลักษณ์

จากการสำรวจของนิตยสาร Wallpaper* พบว่า เก้าอี้ที่ผลิตด้วยไม้สักหรือไม้วอลนัทคุณภาพสูง และมีการเข้าไม้แบบดั้งเดิมโดยไม่ใช้ตะปู มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15-20% ทุก 5 ปี

ความหายากและการผลิตจำกัด

เก้าอี้บางรุ่นผลิตในจำนวนจำกัด หรือเป็นคอลเลคชั่นพิเศษ ทำให้มีความหายากและเป็นที่ต้องการในตลาดมือสอง นอกจากนี้ เก้าอี้รุ่นที่เลิกผลิตแล้วแต่ยังคงมีความต้องการสูงก็มักมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

เก้าอี้กินข้าวดีไซเนอร์รุ่นไหนน่าลงทุน

1. เก้าอี้คลาสสิกที่ผ่านกาลเวลา

เก้าอี้ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นงานคลาสสิกมักเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยและให้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว ตัวอย่างเช่น:

  • Eames Molded Plastic Chair - ออกแบบโดย Charles และ Ray Eames ในปี 1950 เก้าอี้รุ่นนี้ยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องและมีมูลค่าเพิ่มขึ้นประมาณ 8-10% ต่อปี โดยเฉพาะรุ่นวินเทจที่ผลิตโดย Herman Miller

  • Series 7 Chair - ออกแบบโดย Arne Jacobsen ในปี 1955 เป็นเก้าอี้ไอคอนิกที่มีรูปทรงโค้งมนสวยงาม รุ่นดั้งเดิมที่อยู่ในสภาพดีสามารถขายในราคาสูงกว่าราคาตลาดปัจจุบันถึง 3-4 เท่า

  • Tulip Chair - ออกแบบโดย Eero Saarinen ในปี 1956 เป็นเก้าอี้ที่มีดีไซน์ล้ำสมัยและยังคงดูทันสมัยแม้เวลาจะผ่านไปกว่า 60 ปี เก้าอี้รุ่นนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรุ่นที่ผลิตโดย Knoll

2. เก้าอี้จากดีไซเนอร์ร่วมสมัยที่มีชื่อเสียง

นอกจากเก้าอี้คลาสสิก เก้าอี้ที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ร่วมสมัยที่มีชื่อเสียงก็มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าเช่นกัน:

  • Beetle Chair - ออกแบบโดย GamFratesi สำหรับแบรนด์ Gubi ในปี 2013 เก้าอี้รุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มจะกลายเป็นคลาสสิกในอนาคต

  • CH24 Wishbone Chair - แม้จะออกแบบมานานแล้ว แต่เก้าอี้รุ่นนี้ยังคงผลิตโดย Carl Hansen & Søn และมีการออกคอลเลคชั่นพิเศษเป็นระยะ ซึ่งมักมีมูลค่าสูงขึ้นในตลาดมือสอง

  • Masters Chair - ออกแบบโดย Philippe Starck สำหรับ Kartell ในปี 2010 เป็นเก้าอี้ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเก้าอี้ไอคอนิก 3 รุ่น มีดีไซน์ร่วมสมัยและราคาเข้าถึงได้ ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนหน้าใหม่

3. เก้าอี้จากแบรนด์ไทยที่น่าจับตามอง

ตลาดเฟอร์นิเจอร์ดีไซเนอร์ในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีแบรนด์ไทยหลายแบรนด์ที่สร้างชื่อในระดับนานาชาติ:

  • Podium - แบรนด์เฟอร์นิเจอร์ไทยที่มีชื่อเสียงด้านการผสมผสานงานฝีมือดั้งเดิมกับการออกแบบร่วมสมัย เก้าอี้จากแบรนด์นี้มีเอกลักษณ์และมีโอกาสเพิ่มมูลค่าในอนาคต

  • Deesawat - แบรนด์ไทยที่เน้นการใช้ไม้คุณภาพสูงและการออกแบบที่เรียบง่ายแต่มีเอกลักษณ์ เก้าอี้จากแบรนด์นี้ได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติและมีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่า

  • Ayra - แบรนด์น้องใหม่ที่เน้นการออกแบบที่ผสมผสานความเป็นไทยกับความร่วมสมัย และใช้วัสดุที่ยั่งยืน ซึ่งเป็นแนวโน้มสำคัญในวงการออกแบบปัจจุบัน

ปัจจัยที่ส่งผลต่อมูลค่าของเก้าอี้กินข้าวดีไซเนอร์

สภาพและการดูแลรักษา

สภาพของเก้าอี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อมูลค่า เก้าอี้ที่อยู่ในสภาพดี ไม่มีรอยขีดข่วนหรือความเสียหาย จะมีมูลค่าสูงกว่าเก้าอี้ที่มีร่องรอยการใช้งานมาก

ผู้เชี่ยวชาญด้านการประเมินเฟอร์นิเจอร์แนะนำว่า การดูแลรักษาเก้าอี้อย่างถูกวิธีสามารถรักษามูลค่าได้ถึง 90% แม้จะผ่านการใช้งานมาหลายปี ควรทำความสะอาดตามคำแนะนำของผู้ผลิต และหลีกเลี่ยงการวางไว้ในที่ที่มีแสงแดดส่องถึงโดยตรงเป็นเวลานาน

ความแท้และเอกสารรับรอง

เก้าอี้ดีไซเนอร์ที่มีเอกสารรับรองความแท้ (Certificate of Authenticity) หรือหลักฐานการซื้อจากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาต จะมีมูลค่าสูงกว่าเก้าอี้ที่ไม่มีเอกสารรับรอง

กระแสความนิยมและแนวโน้มการออกแบบ

กระแสความนิยมในวงการออกแบบมีผลต่อมูลค่าของเก้าอี้ดีไซเนอร์ เช่น ในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมา เฟอร์นิเจอร์สไตล์ Mid-Century Modern ได้รับความนิยมอย่างมาก ทำให้เก้าอี้จากยุคนั้นมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

นักวิเคราะห์ตลาดเฟอร์นิเจอร์คาดการณ์ว่า แนวโน้มการออกแบบที่เน้นความยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะมีอิทธิพลต่อมูลค่าของเก้าอี้ดีไซเนอร์ในอนาคต โดยเก้าอี้ที่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลหรือมีกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจะมีแนวโน้มมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น

เคล็ดลับการเลือกซื้อเก้าอี้กินข้าวดีไซเนอร์เพื่อการลงทุน

พิจารณาทั้งความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งาน

เก้าอี้ที่มีทั้งความสวยงามและฟังก์ชันการใช้งานที่ดีมักมีมูลค่าสูงกว่าเก้าอี้ที่เน้นเพียงด้านใดด้านหนึ่ง ควรเลือกเก้าอี้ที่นั่งสบาย แข็งแรง และมีดีไซน์ที่ไม่ตกยุคง่าย

ผลสำรวจจากนิตยสาร Elle Decoration พบว่า 78% ของผู้ซื้อเฟอร์นิเจอร์ดีไซเนอร์ให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างความสวยงามและประโยชน์ใช้สอย และยินดีจ่ายเงินเพิ่มขึ้น 25-30% สำหรับเก้าอี้ที่มีทั้งสองคุณสมบัตินี้

ศึกษาประวัติและผลงานของดีไซเนอร์

ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรศึกษาประวัติและผลงานของดีไซเนอร์ เพื่อเข้าใจแนวคิดและคุณค่าของงานออกแบบ รวมถึงติดตามราคาซื้อขายในตลาดมือสองและการประมูล เพื่อประเมินแนวโน้มมูลค่าในอนาคต

เลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้

ควรซื้อเก้าอี้ดีไซเนอร์จากตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตหรือแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อให้มั่นใจว่าได้สินค้าแท้และมีเอกสารรับรองครบถ้วน ซึ่งจะส่งผลต่อมูลค่าในอนาคต

การผสมผสานเก้าอี้กินข้าวดีไซเนอร์ในการตกแต่งภายใน

การนำเก้าอี้กินข้าวดีไซเนอร์มาใช้ในการตกแต่งภายในไม่เพียงเพิ่มความสวยงามให้กับพื้นที่ แต่ยังสามารถสร้างจุดเด่นและบ่งบอกถึงรสนิยมของเจ้าของบ้านได้อย่างชัดเจน

การผสมผสานสไตล์ที่แตกต่าง

เทรนด์การตกแต่งภายในปัจจุบันนิยมการผสมผสานเฟอร์นิเจอร์จากยุคสมัยและสไตล์ที่แตกต่างกัน เช่น การนำเก้าอี้ดีไซเนอร์คลาสสิกมาใช้ร่วมกับโต๊ะสไตล์ร่วมสมัย หรือการใช้เก้าอี้หลากหลายรุ่นในชุดเดียวกัน

Home stylist ชื่อดังแนะนำว่า การผสมผสานเก้าอี้ 2-3 รุ่นที่มีสไตล์แตกต่างกันแต่มีองค์ประกอบบางอย่างที่เชื่อมโยงกัน เช่น สี วัสดุ หรือรูปทรง จะสร้างความน่าสนใจให้กับพื้นที่และแสดงถึงความเข้าใจในการออกแบบ

การใช้เก้าอี้เป็นจุดโฟกัส

เก้าอี้ดีไซเนอร์ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นสามารถใช้เป็นจุดโฟกัสของห้องได้ โดยเฉพาะเก้าอี้ที่มีสีสันสดใสหรือรูปทรงที่น่าสนใจ

นิตยสาร Architectural Digest แนะนำว่า การใช้เก้าอี้ดีไซเนอร์เป็นจุดโฟกัสควรคำนึงถึงสัดส่วนของห้องและองค์ประกอบอื่นๆ โดยควรให้มีพื้นที่ว่างรอบเก้าอี้เพื่อให้ดีไซน์โดดเด่นและไม่ดูแออัด

การลงทุนในเก้าอี้กินข้าวดีไซเนอร์อย่างชาญฉลาด

การลงทุนในเก้าอี้กินข้าวดีไซเนอร์ไม่เพียงเป็นการเพิ่มความสวยงามให้กับบ้าน แต่ยังเป็นการลงทุนที่อาจให้ผลตอบแทนที่ดีในอนาคต เก้าอี้คลาสสิกจากดีไซเนอร์ชื่อดังมักมีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา โดยเฉพาะเมื่อได้รับการดูแลรักษาอย่างดี

การเลือกซื้อเก้าอี้ดีไซเนอร์ควรพิจารณาทั้งความสวยงาม ประโยชน์ใช้สอย คุณภาพของวัสดุและงานฝีมือ รวมถึงประวัติและชื่อเสียงของดีไซเนอร์ นอกจากนี้ ควรซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้และเก็บรักษาเอกสารรับรองความแท้ไว้อย่างดี

ไม่ว่าคุณจะเลือกลงทุนในเก้าอี้คลาสสิกที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว หรือเก้าอี้จากดีไซเนอร์ร่วมสมัยที่มีศักยภาพ สิ่งสำคัญคือการเลือกชิ้นที่คุณชื่นชอบและสามารถใช้งานได้จริง เพราะแม้มูลค่าจะไม่เพิ่มขึ้นตามที่คาดหวัง คุณก็ยังได้เฟอร์นิเจอร์คุณภาพดีที่สร้างความสุขในการใช้งานทุกวัน

Cart

Close

Your cart is currently empty.

Start Shopping

Select options

Close