ทริคเลือก โต๊ะกลางรับแขก สำหรับห้องแต่ละสไตล์ พร้อมเทคนิคจัดวางให้สวยเป๊ะ

ทริคเลือกโต๊ะกลางรับแขกตามดีไซน์ของห้อง

ห้องสไตล์โมเดิร์นมินิมอล

ดีไซน์ของห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่นแนวโมเดิร์นมินิมอล จะเน้นความน้อยแต่มาก ด้วยการตกแต่งที่เรียบง่าย ดูปลอดโปร่งสบายตา โดยอาจลดทอนส่วนประกอบยิบย่อยออกไปให้เหลือแต่ส่วนที่จำเป็นเท่านั้น โต๊ะกลางที่เหมาะสมกับห้องสไตล์นี้จึงควรมีดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ใช้งานได้จริง ดูปราดเปรียวทันสมัย ไม่ใหญ่เทอะทะ และไม่มีรายละเอียดปลีกย่อยที่ไม่จำเป็น โดยอาจใช้วัสดุเป็นไม้หรืออะคริลิคที่มีผิวเรียบ มีสีโทนกลางๆ หรืออาจเลือกเป็น โต๊ะกลางโซฟากระจก ที่ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่ง เบาสบาย ซึ่งเหมาะกับห้องสไตล์โมเดิร์นเช่นเดียวกัน

ห้องสไตล์สแกนดิเนเวียน หรือสไตล์นอร์ดิก

ห้องแบบสแกนดิเนเวียนหรือนอร์ดิก จะเน้นดีไซน์ที่เรียบง่ายแต่ใช้งานได้จริงเช่นเดียวกับสไตล์โมเดิร์นมินิมอล โดยพ่วงเอาความรู้สึกอบอุ่น เชื้อเชิญ และใกล้ชิดกับธรรมชาติเข้ามาไว้ด้วย โต๊ะกลางรับแขก ที่เหมาะกับห้องสไตล์นี้จึงควรมีดีไซน์ที่ค่อนข้างเรียบและสะอาดตา โดยมีสีและลวดลายของวัสดุจากธรรมชาติ เช่น โต๊ะกลางที่ทำจากไม้จริงที่มีเฉดสีอ่อน ซึ่งนอกจากจะทนทานต่อการใช้งานแล้ว ยังช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่นและเงียบสงบให้แก่ห้องของเราได้เป็นอย่างดี

ห้องสไตล์วินเทจ

สำหรับห้องรับแขกหรือห้องนั่งเล่นสไตล์วินเทจ นอกจากการเลือกใช้โทนสีแบบย้อนยุคกับการใช้เฟอร์นิเจอร์เก่าแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นสำคัญก็คือการตกแต่งที่ดูอ่อนหวาน ละเมียดละไม ละมุนตา ไม่เรียบหรือแข็งทื่อเกินไป องค์ประกอบแต่ละอย่างมีการเสริมดีเทลที่ช่วยเพิ่มรุ่มรวยให้แก่ห้อง ดังนั้น หากเราไม่สามารถหาโต๊ะเก่าแก่อายุหลายสิบปีมาประดับห้องได้จริง ก็อาจเลือกโต๊ะกลางที่มีดีไซน์อ่อนช้อย และมีรายละเอียดจำนวนมาก เช่น ขอบโต๊ะมีเส้นโค้งเว้า หรือขาโต๊ะมีฉลุลวดลาย โดยอาจเลือกวัสดุเป็นไม้สีเข้มหรือหินอ่อนที่มีความทนทานสูง เพื่อให้ดูเสมือนว่าโต๊ะถูกใช้งานผ่านกาลเวลามายาวนานนั่นเอง

ห้องสไตล์รัสติก

จุดเด่นของห้องสไตล์รัสติกอยู่ที่ความดิบๆ เป็นธรรมชาติ ตามแบบบ้านชนบท ซึ่งดูไม่ปราณีตบรรจงหรือเป็นทางการจนเกินไป มีการผสมผสานกลิ่นอายความเก่าและความใหม่อยู่ในที่เดียวกัน โต๊ะกลางรับแขก ที่เหมาะกับห้องสไตล์นี้จึงอาจเป็นโต๊ะทำจากไม้เฉดสีเข้ม พื้นผิวไม่ต้องเรียบลื่นแวววาว หรือโต๊ะที่ทำจากไม้ฝากระดานเก่า นอกจากนี้ เรายังอาจเลือกโต๊ะที่มีขาเป็นโลหะสีดำ หรือขาโต๊ะดัดแปลงมาจากเครื่องมือเก่าๆ ซึ่งจะช่วยเติมความดิบหยาบตามสไตล์งานคราฟต์ให้กับห้องได้ดีทีเดียว

ห้องสไตล์แกลม

เสน่ห์ของดีไซน์สไตล์แกลม (glamorous) คือความหรูหราที่โดดเด่นสะดุดตา และรายละเอียดที่มีความวิจิตรซับซ้อน อย่างลวดลายบนผนัง โซฟากำมะหยี่ พรมที่ทออย่างปราณีต รวมถึงการเติมสีของโลหะเพื่อเพิ่มความสว่างไสวให้กับห้อง โต๊ะกลางที่เหมาะกับห้องสไตล์แกลม จึงได้แก่ โต๊ะกลางลายหินอ่อน หรือ โต๊ะกลางโซฟากระจก ที่พื้นผิวเรียบลื่นเป็นมันวาว มีรายละเอียดที่สวยงาม โดยอาจมีส่วนขาโต๊ะหรือขอบโต๊ะเป็นโลหะสีทอง สีเงิน หรือสีโรสโกลด์ที่เปล่งประกาย ซึ่งจะช่วยขับเน้นความรู้สึกหรูหรามีระดับให้กับพื้นที่ได้

ห้องสไตล์ผสมผสาน

ห้องที่มีรูปแบบผสมผสานหรือ Eclectic คือการหยิบเอาจุดเด่นของสไตล์ต่างๆ เข้ามาไว้ด้วยกัน เพื่อให้ได้ดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว และสะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัย ตัวอย่างเช่น เราอาจเลือกโต๊ะกลางที่มีรูปทรงแปลกตา หรือสีสันโดดเด่น มาแมทช์กับห้องที่มีผนังสีเรียบๆ แบบโมเดิร์น ร่วมกับเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่เป็นของเก่าบ้างใหม่บ้างคละกันไป เพื่อให้ภาพรวมของห้องมีความกลมกล่อม ไม่เรียบจนน่าเบื่อ หรือหวือหวาจนน่าอึดอัดนั่นเอง

เทคนิคการจัดวาง โต๊ะกลางรับแขก ให้แมทช์กับโซฟา

เพราะ โต๊ะกลางรับแขก กับโซฟาเป็นของคู่กัน เราเลยจะมาแชร์เทคนิคการจัดวางโต๊ะกลางเข้าคู่กับชุดโซฟาให้ลงตัวทั้งในด้านดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งาน

สเกลและสัดส่วน

ขนาดของโต๊ะกลางที่เราเลือกควรจะได้สัดส่วนกับบริเวณที่นั่งของโซฟา กล่าวคือประมาณ ⅔ ของความยาวโซฟาทั้งหมด หรืออย่างมากที่สุดก็ไม่เกินไปกว่าความยาวโซฟา ทั้งนี้ อย่าลืมพิจารณาพนักพิง ที่วางแขน และความลึกของเบาะที่นั่งโซฟาร่วมด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อวางโต๊ะกลางเข้ากับโซฟาแล้วได้สัดส่วนที่พอดี ไม่ดูโหรงเหรงหรือดูเต็มเกินไปจนชวนอึดอัด

ความสูงของโต๊ะ

ความสูงของ โต๊ะกลางรับแขก ที่เหมาะสม คืออยู่ในระดับเดียวกับขอบที่นั่งของโซฟา โดยอาจสูงหรือต่ำกว่าได้เล็กน้อย เพื่อให้คนที่นั่งอยู่บนโซฟาสามารถเอื้อมมือหยิบจับของบนโต๊ะได้สะดวก อีกทั้งโต๊ะกลางที่สูงเกินไปก็อาจบดบังทัศนียภาพภายในห้องของเราด้วย

รูปทรงและการจัดวาง

รูปทรงของโต๊ะกลางอาจเป็นทิศทางเดียวกันหรือตรงข้ามกับดีไซน์ของโซฟาก็ได้ ขึ้นอยู่กับกรณี ยกตัวอย่างเช่น ชุดโซฟาที่มีส่วนเว้าโค้ง อาจเลือกจับคู่กับโต๊ะกลางกลมหรือทรงรี เพื่อให้เส้นขอบที่โค้งมนมีความสอดคล้องกัน ส่วนโซฟาที่มีดีเรียบๆ มีเส้นตรงเป็นองค์ประกอบหลัก หรือโซฟาแบบเข้ามุม อาจเลือกจับคู่กับโต๊ะกลางสี่เหลี่ยมผืนผ้าหรือสี่เหลี่ยมจัตุรัส เพื่อให้ภาพรวมของมุมรับแขกแลดูสมมาตร แต่หากอยากได้ดีไซน์ที่ดูซอฟท์และสมูธขึ้น ก็อาจเลือกเป็นโต๊ะกลางวงกลมได้เช่นเดียวกัน

การใช้งานและการเคลื่อนที่

ในการวางโต๊ะกลาง ควรเผื่อระยะห่างอย่างน้อย 1.5 ฟุต ระหว่างโต๊ะกลางกับโซฟา เพื่อให้เราสามารถเคลื่อนที่รอบๆ โต๊ะและลุกนั่งจากโซฟาได้สะดวก ในขณะเดียวกันก็ไม่ควรวางโต๊ะกลางให้ห่างจากโซฟามากเกินไป เพราะจะกลายเป็นอุปสรรคในการหยิบสิ่งของบนโต๊ะในขณะนั่งนั่นเอง

สไตล์และความสวยงาม

รูปแบบของโต๊ะกลางควรมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับดีไซน์ของโซฟา และสอดคล้องกับธีมโดยรวมของห้องด้วย ตัวอย่างเช่น หากเรามีโซฟาดีไซน์บางโฉบเฉี่ยวแบบโมเดิร์น ก็อาจเลือกโต๊ะกลางที่มีดีไซน์เรียบและทันสมัยเช่นเดียวกัน หรือถ้าเรามีโซฟาผ้าลายดอกสไตล์วินเทจ ก็อาจจับคู่กับ โต๊ะกลางรับแขก ที่มีรายละเอียดซับซ้อนตามแบบเฟอร์นิเจอร์ย้อนยุคเหมือนกันก็ได้

โต๊ะกลางรับแขก ถือเป็นจุดสำคัญที่จะช่วยสร้างสรรค์ดีไซน์ของห้องให้ครบถ้วนสมบูรณ์ การเลือกโต๊ะกลางได้อย่างถูกต้องตามสไตล์ของห้อง เช่น โต๊ะกลางโซฟากระจก เรียบๆ สำหรับห้องแบบโมเดิร์น หรือ โต๊ะกลางลายหินอ่อนสำหรับห้องสไตล์แกลม ก็จะช่วยเสริมดีไซน์ของพื้นที่ให้โดดเด่นและดูเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันทั้งห้องได้