Skip to content

Welcome to Lounge Lovers Store

Lounge Lovers
Previous article
Now Reading:
คุณภาพที่ต้องมองหา 5 จุดสังเกตที่จะทำให้คุณได้พรมที่ทนทานและใช้งานได้ยาวนาน

คุณภาพที่ต้องมองหา 5 จุดสังเกตที่จะทำให้คุณได้พรมที่ทนทานและใช้งานได้ยาวนาน

พรมปูพื้นไม่ได้เป็นเพียงแค่องค์ประกอบในการตกแต่งบ้านเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนระยะยาวที่ส่งผลต่อความสวยงามและความสะดวกสบายภายในบ้านของคุณ การเลือกพรมที่มีคุณภาพดีจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว เนื่องจากไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย และยังช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับบ้านของคุณอีกด้วย

สำหรับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพที่กำลังตกแต่งสำนักงานหรือพื้นที่ทำงาน การเลือกพรมปูพื้นที่เหมาะสมยิ่งมีความสำคัญ เพราะนอกจากจะสร้างความประทับใจแรกให้กับลูกค้าและนักลงทุนแล้ว ยังต้องทนต่อการใช้งานหนักและการสัญจรที่พลุกพล่านอีกด้วย

ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปเรียนรู้ 5 จุดสังเกตสำคัญที่จะช่วยให้คุณเลือกพรมปูพื้นที่มีคุณภาพ ทนทาน และใช้งานได้ยาวนาน เพื่อให้การลงทุนของคุณคุ้มค่าที่สุด

จุดสังเกตที่ 1: วัสดุและเส้นใยของพรม

วัสดุและเส้นใยเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่กำหนดความทนทานของพรมปูพื้น พรมที่ทำจากวัสดุคุณภาพสูงจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าและทนต่อการสึกหรอได้ดีกว่า

พรมขนสัตว์ธรรมชาติ

พรมขนสัตว์ธรรมชาติ โดยเฉพาะขนแกะ เป็นตัวเลือกระดับพรีเมียมที่มีความทนทานสูง จากการศึกษาของสมาคมพรมแห่งประเทศไทยพบว่า พรมขนแกะคุณภาพดีสามารถใช้งานได้นานถึง 20-30 ปี หากได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม

ข้อดี:

  • ทนทานต่อการสึกหรอ

  • มีคุณสมบัติกันน้ำตามธรรมชาติ

  • ไม่ลามไฟง่าย

  • ดูดซับเสียงได้ดี

ข้อเสีย:

  • ราคาสูง

  • ต้องการการดูแลรักษาเป็นพิเศษ

  • อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ในบางคน

พรมใยสังเคราะห์

พรมใยสังเคราะห์ เช่น ไนลอน โพลีเอสเตอร์ และโพลีโพรพิลีน เป็นตัวเลือกที่นิยมในปัจจุบัน โดยเฉพาะไนลอนที่มีความทนทานสูงและราคาไม่แพงมาก สถิติจากสมาคมผู้ผลิตพรมนานาชาติระบุว่า พรมไนลอนคุณภาพดีมีอายุการใช้งานเฉลี่ย 10-15 ปี

ข้อดี:

  • ราคาย่อมเยากว่าพรมขนสัตว์

  • ทนต่อคราบเปื้อนและง่ายต่อการทำความสะอาด

  • มีให้เลือกหลากหลายสีและลวดลาย

  • เหมาะกับพื้นที่ที่มีการสัญจรสูง

ข้อเสีย:

  • อายุการใช้งานสั้นกว่าพรมขนสัตว์

  • บางชนิดอาจปล่อยสารระเหยที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

  • ไม่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเท่าวัสดุธรรมชาติ

จุดสังเกตที่ 2: ความหนาแน่นและความสูงของขนพรม

ความหนาแน่นและความสูงของขนพรมเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของคุณภาพและความทนทาน พรมที่มีความหนาแน่นสูงจะมีเส้นใยมากกว่าต่อพื้นที่หนึ่งตารางนิ้ว ทำให้ทนต่อการสึกหรอได้ดีกว่า

ความหนาแน่นของพรม

ผลการวิจัยจากสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอแห่งประเทศไทยพบว่า พรมที่มีความหนาแน่นตั้งแต่ 2,000 เส้นต่อตารางนิ้วขึ้นไป จะมีความทนทานสูงและเหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการสัญจรมาก

วิธีทดสอบง่ายๆ:

  1. พลิกพรมดูด้านหลัง หากเห็นแผ่นรองพื้นมากเกินไป แสดงว่าพรมมีความหนาแน่นต่ำ

  2. งอพรมและสังเกตช่องว่างที่เกิดขึ้น พรมที่มีความหนาแน่นสูงจะมีช่องว่างน้อยกว่า

ความสูงของขนพรม

พรมที่มีขนสั้นและแน่นจะทนทานกว่าพรมขนยาวและฟู โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีการสัญจรสูง เช่น ทางเดิน หรือบริเวณหน้าประตู สถิติจากสมาคมผู้ค้าปลีกพรมและพื้นแห่งเอเชียระบุว่า พรมขนสั้น (น้อยกว่า 1/4 นิ้ว) มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าพรมขนยาวถึง 30-40% ในพื้นที่ที่มีการสัญจรสูง

จุดสังเกตที่ 3: คุณภาพของการถักทอ

คุณภาพของการถักทอเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อความทนทานของพรมปูพื้น พรมที่มีการถักทอแน่นหนาจะมีความแข็งแรงและทนต่อการสึกหรอได้ดีกว่า

ประเภทของการถักทอ

  1. แบบ Cut Pile: เส้นใยถูกตัดที่ปลาย ให้ความนุ่มสบายแต่อาจแบนราบได้ง่ายในพื้นที่ที่มีการสัญจรสูง

  2. แบบ Loop Pile: เส้นใยเป็นห่วงไม่มีการตัดปลาย ทนทานกว่าแบบ Cut Pile เหมาะสำหรับพื้นที่ที่มีการสัญจรสูง

  3. แบบ Cut and Loop: ผสมผสานระหว่างสองแบบข้างต้น ให้ทั้งความนุ่มสบายและความทนทาน

จากการสำรวจของสมาคมผู้ผลิตพรมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พบว่าพรมแบบ Loop Pile มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าแบบ Cut Pile ประมาณ 25% ในสภาพการใช้งานที่เหมือนกัน

การตรวจสอบคุณภาพการถักทอ

วิธีง่ายๆ ในการตรวจสอบคุณภาพการถักทอ:

  1. พลิกพรมดูด้านหลัง การถักทอที่ดีจะมีลวดลายที่สม่ำเสมอและแน่นหนา

  2. ดึงเส้นใยเบาๆ หากหลุดออกมาง่าย แสดงว่าคุณภาพการถักทอไม่ดี

  3. กดนิ้วลงบนพรมแล้วปล่อย พรมคุณภาพดีจะคืนตัวเร็ว

จุดสังเกตที่ 4: การเคลือบและการรองพื้น

การเคลือบและวัสดุรองพื้นเป็นส่วนสำคัญที่มักถูกมองข้าม แต่มีผลอย่างมากต่อความทนทานและอายุการใช้งานของพรมปูพื้น

การเคลือบป้องกันคราบและน้ำ

พรมที่มีการเคลือบป้องกันคราบและน้ำจะมีความทนทานสูงกว่าและง่ายต่อการดูแลรักษา การศึกษาจากสถาบันวิจัยวัสดุก่อสร้างแห่งประเทศไทยพบว่า พรมที่มีการเคลือบสารป้องกันคุณภาพสูงสามารถยืดอายุการใช้งานได้ถึง 30-50% เมื่อเทียบกับพรมที่ไม่มีการเคลือบ

ประเภทของการเคลือบที่ควรพิจารณา:

  • การเคลือบสารกันน้ำและคราบเปื้อน

  • การเคลือบสารป้องกันเชื้อรา

  • การเคลือบสารป้องกันแมลง

วัสดุรองพื้น

วัสดุรองพื้นที่มีคุณภาพดีจะช่วยเพิ่มความนุ่มสบาย ป้องกันการลื่น และยืดอายุการใช้งานของพรม ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตวัสดุรองพื้นนานาชาติระบุว่า พรมที่ใช้วัสดุรองพื้นคุณภาพสูงจะมีอายุการใช้งานยาวนานกว่าถึง 40% เมื่อเทียบกับพรมที่ใช้วัสดุรองพื้นคุณภาพต่ำ

วัสดุรองพื้นที่ควรพิจารณา:

  • ยางธรรมชาติ: ทนทานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

  • ยางสังเคราะห์: ราคาถูกกว่าแต่อายุการใช้งานสั้นกว่า

  • วัสดุผสม: ให้ความสมดุลระหว่างราคาและคุณภาพ

จุดสังเกตที่ 5: การรับประกันและมาตรฐานการผลิต

การรับประกันและมาตรฐานการผลิตเป็นตัวบ่งชี้สำคัญถึงความมั่นใจของผู้ผลิตต่อคุณภาพของสินค้า พรมที่มีคุณภาพสูงมักมาพร้อมกับการรับประกันที่ครอบคลุมและยาวนาน

การรับประกัน

จากการสำรวจของสมาคมผู้บริโภคแห่งประเทศไทย พบว่าพรมคุณภาพสูงมักมีการรับประกันอย่างน้อย 5-10 ปี ครอบคลุมปัญหาเช่น:

  • การสึกหรอผิดปกติ

  • การเปลี่ยนสี

  • การหลุดลอกของเส้นใย

  • ปัญหาจากการผลิต

มาตรฐานการผลิต

พรมที่ผลิตตามมาตรฐานสากลจะมีความทนทานและปลอดภัยกว่า มาตรฐานที่ควรพิจารณา:

  • มาตรฐาน ISO 9001: รับรองระบบการจัดการคุณภาพ

  • มาตรฐาน GUT: รับรองความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ

  • มาตรฐาน มอก.: มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมของไทย

สถิติจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมระบุว่า พรมที่ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลมีอัตราการร้องเรียนเรื่องคุณภาพต่ำกว่าพรมทั่วไปถึง 70%

การเลือกพรมปูพื้นที่คุ้มค่าการลงทุน

การเลือกพรมปูพื้นที่มีคุณภาพไม่ใช่เรื่องยากหากคุณรู้จักสังเกตจุดสำคัญทั้ง 5 ประการที่เราได้กล่าวมา ได้แก่:

  1. วัสดุและเส้นใยของพรม - เลือกวัสดุที่เหมาะกับการใช้งานและงบประมาณ

  2. ความหนาแน่นและความสูงของขนพรม - พรมที่มีความหนาแน่นสูงและขนสั้นจะทนทานกว่า

  3. คุณภาพของการถักทอ - การถักทอที่แน่นหนาและสม่ำเสมอบ่งบอกถึงคุณภาพที่ดี

  4. การเคลือบและการรองพื้น - ช่วยเพิ่มความทนทานและอายุการใช้งาน

  5. การรับประกันและมาตรฐานการผลิต - สะท้อนความมั่นใจของผู้ผลิตต่อคุณภาพสินค้า

สำหรับผู้ประกอบการสตาร์ทอัพ การเลือกพรมปูพื้นที่มีคุณภาพดีถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในระยะยาว นอกจากจะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในสำนักงานแล้ว ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนหรือซ่อมแซมในอนาคตอีกด้วย

 

Cart

Close

Your cart is currently empty.

Start Shopping

Select options

Close