อย่างที่เห็นกันทุกวันนี้ว่าตามท้องตลาด สถานที่ต่าง ๆ บ้าน โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า ร้านกาแฟ ฯลฯ ล้วนใช้โคมไฟหลายประเภทในการตกแต่งสถานที่และให้แสงสว่างที่พอเหมาะกับวัตถุประสงค์ของสถานที่นั้น ๆ เช่นเราจะเห็นการใช้โคมไฟระย้า โคมไฟเพดานดีไซน์เก๋มาประดับห้องโถง เห็นโคมไฟตั้งโต๊ะหรือโคมไฟตั้งพื้นใกล้ ๆ โซฟาอ่านหนังสือ โคมไฟติดผนังประดับประดาตามทางเดิน เป็นต้น และนอกจากตัวโคมไฟแล้ว หลอดไฟเองก็มีสีสันและรูปทรง การให้แสงที่แตกต่างเช่นกัน ซึ่งหลายคนอาจจะสงสัยว่าเอ๊ะ แล้วโคมไฟแต่ละประเภทมันมีความแตกต่างกันอย่างไร ในบทความนี้เราจะมาสรุปให้เข้าใจง่าย ๆ และพาทุกท่านไปรู้จักกับอุปกรณ์ช่วยส่องสว่างทั้งหลายประเภทกัน
โคมไฟเพดาน ดาวน์ไลท์
เป็นโคมไฟที่ใช้ง่ายและนิยมมากที่สุดเพราะให้แสงสว่างได้ทั่วถึงทั้งห้อง แต่อย่างไรก็ตามการใช้แสง ชนิดนี้เพียงอย่างเดียว ถึงห้องจะดูสว่างก็จริงแต่ขาดมิติ ควรมีการเพิ่มแสงไฟ เน้นเฉพาะจุดสปอตไลท์ และติดตั้งชุดหรี่ไฟ เพื่อปรับความสว่างเฉพาะจุดได้ตามต้องการ
โคมไฟผนัง (wall light)
เป็นโคมไฟที่ให้แสงสว่างเน้นบนผนังเพื่อกระจายออกด้านข้าง โดยแสงจะกระทบเพดานและพื้น จะเป็นโคมที่ยื่นออกมาจากผนัง เหมาะสำหรับหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง หรือหน้าบริเวณที่ติดกระจก จะช่วยให้แสงสว่างโดยไม่เกิดเงาบนใบหน้า
โคมไฟโต๊ะทำงาน (Desk Lamps)
จุดประสงค์ของมันก็คือการให้แสงสว่าง ตรงไปยังบริเวณที่ต้องการโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงออกแบบให้สามารถ ปรับองศาได้หลากหลายเพื่อไม่ให้เกิดเงามืดของมือบังแสงขณะอ่านหรือเขียนหนังสือ
โคมไฟตั้งพื้น (Floor Lamps)
โคมไฟตั้งพื้นเหมาะที่จะใช้ตกแต่งห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือห้องทำงาน โดยให้แสงกระจายเฉพาะจุดแบบเดียวกับโคมไฟตั้งโต๊ะ ซึ่งโคมไฟตั้งพื้นนั้น ช่วยช่วยเพิ่มแสงสว่างในตำแหน่งที่แสงไฟจากเพดานส่องไปไม่ถึงหรือแสงไฟในบริเวณนั้นไม่เพียงพอ เช่น การอ่านหนังหัวเตียงหรือ มุมนั่งเล่น ที่ต้องการแสงไฟในการมองเห็น
สำหรับแสงไฟที่ใช้กันภายในบ้านนั้น โดยมากจะพบเห็นการใช้แสงไฟที่ใช้ในบ้านแบ่งเป็น 3 ลักษณะ ได้แก่ แสงสว่างทั่วไป (Background Lighting)เป็นการใช้แสงทดแทนแสงธรรมชาติโดยให้แหล่งกำเนิดจากที่สูงได้แก่ไฟที่ติดบนเพดานผนังหรือ โคมไฟห้อยจากเพดาน ต่อมาเป็นแสงเพื่อทำงาน (Task Light)เน้นระดับแสงที่สว่างเป็นพิเศษ และควรให้แสงสว่างอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ทำให้เกิดเงามืดบนพื้นที่ทำงาน และสุดท้ายเป็นแสงสำหรับเน้น (Accent Light) เพื่อเน้นแสงเงาเพื่อสร้างมิติให้งานตกแต่ง แสงประเภทนี้เกิดจาก ดวงไฟสปอตไลท์ไฟส่องรูปภาพ (PictureLight) ไฟที่ซ่อนอยู่ในช่องว่างของผนัง รวมไปถึงโคมไฟตกแต่งต่างๆ
ต่อมาเป็นประเภทของหลอดไฟ การเลือกใช้หลอดไฟที่เหมาะสมก็สำคัญไม่แพ้กัน หลอดไฟที่ใช้กันในบ้านมีอยู่ 3 ประเภทหลัก ๆ
หลอดไส้ทังสเตน (tungsten) จะให้แสงที่อบอุ่น ออกโทนสีเหลือง และเหมาะสำหรับการใช้ในงานตกแต่ง เพื่อสร้างบรรยากาศและแสงเงาที่สวยงามเหมือนแสงธรรมชาติ และสามารถใช้งานร่วมกับอุปกรณ์หรี่ไฟ ( Dimmer ) แต่มีข้อเสียที่อายุการใช้งานสั้น
ฮาโลเจน (Halogen) หลอดไฟชนิดนี้จะให้แสงที่ดูขาวและสว่างกว่าทังสเตน เพราะภายในหลอดไฟจะใส่ ก๊าซฮาโลเจน ซึ่งช่วยให้แสงแสดงรายละเอียดของสีสัน ที่ให้ความรู้สึกสดใสและสว่างมาก เหมาะจะใช้กับ โคมไฟสปอตไลท์ เพื่อเน้นจุดสำคัญ แต่มีปัญหาเรื่องความร้อนสูงมาก แต่ก็สามารถใช้ชุดหรี่ไฟติดเพื่อ ปรับปริมาณแสงและความร้อนได้ตามต้องการ
ฟลูออเรสเซ้นต์(Fluorescent) แสงไฟชนิดนี้ได้รับความนิยมมากเพราะราคาถูกและประหยัดพลังงาน แต่แสงมีผลต่อโทนสีของห้องที่เพี้ยนจากสีจริงไปทางสีฟ้า แต่ในปัจจุบันมีการใช้ชนิดของแก้วสีเพื่อปรับแสงสีและปรับให้แสงไฟดูนุ่มนวลมีโทนขาว และเหลือง เพื่อให้แสงดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ทั้งหมดนี้เป็นลักษณะโดยทั่วไปของโคมไฟแต่ละประเภทที่เราคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี หวังว่าเมื่ออ่านบทความนี้แล้วทุกท่านจะเข้าใจถึงความแตกต่างของโคมไฟแต่ละชนิดอย่างแจ่มแจ้ง และสามารถเลือกใช้งานได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมกับบ้านของคุณ