หลายคนอาจจะคุ้นชินกับการติดตั้งแชนเดอเลียร์หรือโคมไฟระย้าไว้ที่ห้องโถงหรือห้องรับแขกไว้เป็นหน้าเป็นตาเสริมสง่าราศีให้บ้านเมื่อมีแขกไปใครมาเยือน แต่ถึงกระนั้นในความเป็นจริงเราสามารถติดตั้งโคมไฟแบบระย้าได้ทุกห้องในบ้าน เพียงแต่ต้องดูความเหมาะสมมทั้งในแง่ของพื้นที่ การออกแบบ สไตล์ของห้อง และจำนวนโคมไฟประเภทอื่น ๆ ที่ใช้งานด้วย เพื่อที่จะได้จัดการตกแต่งบ้านด้วยโคมไฟระย้าได้อย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตาม โคมไฟระย้าหรือแชนเดอเลียร์ก็มีหลายแบบหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดกะทัดรัดไปจนกระทั่งขนาดใหญ่โตอลังการ ซึ่งเราสามารถเลือกซื้อเลือกหาได้ตามความชอบและให้เหมาะกับสไตล์การตกแต่ง ซึ่งในบทคสามนี้เราจะพามาทำความรู้จักกับโคมไฟระย้าให้ลึกซึ้งมากขึ้น และไอเดียในการนำโคมไฟระย้าหรือเจ้าแชนเดอเลียรืแสนสวยไปประดับประดาห้องต่าง ๆ ภายในบ้านกัน

เตรียมการก่อนติดตั้งโคมไฟระย้าสำคัญไฉน?

การติดตั้งโคมไฟระย้าเป็นหนึ่งในวิธีการตกแต่งแต่งบ้านที่นอกจากจะช่วยเพิ่มความสว่างไสวและความสวยงามให้กับพื้นที่แล้ว ตามหลักฮวงจุ้ยถ้าเลือกโคมไฟได้ดีและติดตั้งอย่างถูกต้อง จะสามารถช่วยเสริมบารมีและเรียกสิ่งดี ๆ เข้ามาสู่บ้านได้อีกด้วย ดังนั้นการติดตั้งโคมไฟระย้าสามารถติดได้ในหลาย ๆ ส่วนของบ้านตามวัตถุประสงค์ของการใช้งานและการตกแต่ง อย่างไรก็ตามก่อนติดตั้งโคมไฟระย้าก็ต้องมีการเตรียมการที่ดีเพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาตามมา แถมยังช่วยให้คุณได้โคมไฟที่เหมาะสมกับขนาดพื้นที่ของห้อง และยังได้โคมไฟที่ตรงตามความต้องการมากที่สุดในราคาที่คุณพอใจด้วย

การติดตั้งโคมไฟระย้าควรทำอย่างไร?

การติดตั้งโคมไฟระย้าควรพิจารณาจากขนาดห้องเป็นลำดับแรก หากเราเลือกใช้โคมไฟขนาดใหญ่ ก็จะใช้พื้นที่มาก กฎของมิติที่อาจช่วยในการเลือกโคมไฟระย้าคือ ขนาดห้อง เส้นผ่านศูนย์กลางโคมระย้า โดนขนาดเล็กกว่า 10×10 ตารางฟุต 10-20 นิ้ว ขนาดประมาณ 12×12 ตารางฟุต 24-27 นิ้ว ขนาดประมาณ 14×14 ตารางฟุต 24-26 นิ้ว แชนเดอเลียร์นั้นช่วยเพิ่มบรรยากาศที่หรูหราและสง่างามให้กับห้องที่ถูกประดับด้วยโคมไฟชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นห้องรับประทานอาหาร หรือห้องโถงก็สามารถตกแต่งหรือติดตั้งด้วยโคมนี้ได้เช่นกัน

• หากทำการติดตั้งในห้องรับประทานอาหาร ก็ควรติดตั้งโดยควรอยู่ในระดับความสูงจากพื้นผิวโต๊ะประมาณ 30-60 นิ้ว เพื่อให้ได้ระดับแสงสว่างที่เหมาะสม ไม่รบกวนสายตาของผู้ใช้โต๊ะ
• หากติดตั้งภายในห้องโถงก็ควรพิจารณาจากความสูงของเพดานภายในห้องเป็นอันดับแรก จากนั้นควรเหลือพื้นที่สูงจากพื้นประมาณ 7 ฟุต หรือจะทำการแขวนโคมระย้าบริเวณด้านบนของบันไดก็เป็นจุดโฟกัสที่ดีจุดหนึ่งเช่นกัน ส่วนปริมาณแสงที่ต้องการภายในห้องนั้น สามารถคำนวณได้จากสูตร ความกว้างห้อง x ความยาวของห้อง x 5 = วัตต์ ยกตัวอย่างเช่น หากห้องมีขนาด 12×15 ฟุต จะต้องการปริมาณแสงทั้งหมด 12 x 15 x 1.5 = 270 วัตต์ ส่วนการเลือกใช้วัสดุนั้น ในปัจจุบันมีวัสดุหลายประเภท เช่น ทองเหลือง เหล็กดัด เงินและเหล็กและมีการตกแต่งด้วยคริสตัล กระจก ทำให้ดูสวยหรูมากยิ่งขึ้น

ติดตั้งโคมไฟระย้าในห้องนั่งเล่น

เจ้าของบ้านส่วนใหญ่มักเลือกติดตั้งโคมไฟระย้าในห้องนี้เพื่อสร้างความประทับใจแก่แขกที่มาเยือนและสร้างความหรูหราให้บ้าน ซึ่งบ้านยุคใหม่ที่เป็นบ้านชั้นครึ่งหรือ 2 ชั้น นิยมออกแบบห้องนั่งเล่นเจาะเป็นโถงสูงแบบ Double Space ด้วยพื้นที่ที่กว้างและสูง จึงสามารถเลือกใช้โคมไฟขนาดใหญ่ได้ เพื่อให้แสงส่องสว่าง เปล่งประกายระยิบระยับ และเพิ่มความโออ่าหรูหราให้แก่บ้าน

สำหรับความสูงของโคมไฟระย้าในห้องนี้ เทียบระยะง่าย ๆ จากการจัดระยะไม่ให้ศีรษะชน และต้องเว้นให้มีระยะห่างระหว่างจุดต่ำสุดของโคมไฟกับพื้นห้องห่างกันอย่างน้อย 7 ฟุตหรือประมาณ 2 เมตร หากเพดานสูงกว่านี้ก็จะต้องเพิ่มระยะห่างให้มากขึ้นอีก ส่วนตรงโถงบันไดระยะที่มองดูสวยงามควรอยู่ในระดับสายตาเมื่อยืนมองจากชั้น 2 นั่นเอง

ติดตั้งโคมไฟระย้าในห้องนอน

ในห้องนอนพื้นที่ที่ต้องการพักสายตาและสร้างบรรยากาศเพื่อการพักผ่อน ลักษณะการใช้งานที่ไม่เน้นแสงสว่างมากนัก จึงต้องเลือกโคมไฟที่ให้แสงนุ่มนวล มีโครงหุ้มผ้าหรือกระดาษสาครอบด้านนอกอีกชั้นจะช่วยลดการสะท้อนแสง ช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น ตำแหน่งที่ติดตั้งโคมไฟควรติดตั้งค่อนมาทางปลายเตียง ส่วนจุดที่ไม่แนะนำให้ติดตั้งคือตำแหน่งกลางเตียง เพราะจะทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกไม่ปลอดภัย เหมือนมีวัตถุที่อาจพุ่งเข้าใส่ได้ และหากให้โคมไฟระย้าดูงดงามยิ่งขึ้น การทำฝ้าหลุมมารองรับ จะช่วยเพิ่มมิติให้ห้องและโคมไฟสวยงามสะดุดตาขึ้นด้วย

เฉดสีของโคมไฟระย้าในห้องนอนนั้น ห้องนอนเป็นจุดที่ต้องการความนุ่มนวล ผ่อนคลายหรือโรแมนติกให้ใช้แสงสีขาวอุ่น (วอร์มไวท์) ในห้องที่ต้องการให้ปรับเปลี่ยนความรู้สึกได้หลาย ๆ แบบก็สามารถเลือกใช้ไฟหรี่เพิ่มลูกเล่นให้แสงมีมิติมากขึ้น

ติดตั้งโคมไฟระย้าในส่วนรับประทานอาหาร

สิ่งที่จะเพิ่มมิติให้ห้องและส่งเสริมให้อาหารน่ารับประทานมากขึ้น แถมยังสร้างบรรยากาศให้สวยงามเจริญอาหารสามารถสร้างได้ด้วยแสงไฟจากแชนเดอเลียร์ โดยเฉพาะแสงสีอุ่นที่ให้ความรู้สึกอ่อนหวาน แต่จะเลือกใช้สีขาวเดย์ไลท์ก็ได้หากสีของแสงเข้ากันได้ดีกับชุดโต๊ะและของตกแต่ง หากโต๊ะทานข้าวของคุณมีขนาดเล็ก หรือเป็นชุดโต๊ะใส ๆ มีความคอนทราสต์ต่ำ (สีเดียวกับส่วนที่เหลือของห้อง) ให้เลือกโคมระย้าที่ตรงกับขนาดและความรู้สึกของโต๊ะ ทั้งนี้การจัดโคมไฟระย้าในครัวหรือในห้องทานอาหารนั้น จะมีรายละเอียดมากกว่าห้องอื่น ๆ เล็กน้อย เพื่อให้ภาพรวมออกมาสมดุล

จะเห็นได้ว่าเราสามารถใช้โคมไฟระย้าในการตกแต่งบ้านให้ดูหลากหลายและมีมิติมากขึ้น ซึ่งโคมไฟประเภทนี้จะเน้นความสวยงามและช่วยให้บ้านดูหรู ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่บ้านที่มีพื้นที่มากหน่อยจะเลือกใช้โคมไฟระย้าในการตกแต่ง เพราะเนื่องจากจะสวยงามแล้ว โคมไฟประเภทนี้ยังให้แสงสว่างที่พอเหมาะพอดีกับห้องด้วย