บ้านคือที่พักพิงสำหรับเรา เป็นที่อยู่อาศัยพักกายใจ และอื่นๆ อีกมากมายที่บ้านหลังหนึ่งจะสามารถเป็นให้เราได้ ความปลอดภัยของบ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ที่คุณควรคำนึงถึง ซึ่งก็คือ “รั้ว” รั้วบ้านมีไว้สำหรับแสดงอาณาเขตและบริเวณของบ้านคุณ รวมไปถึงทำให้พื้นที่ภายในเกิดความปลอดภัยและยังให้ความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วย คุณจะสังเกตได้ว่าในประเทศไทย..บ้านส่วนใหญ่จะมีรั้ว แต่ในต่างประเทศ เช่น ประเทศในแถบยุโรป เป็นต้น จะไม่ค่อยมีรั้วบ้าน เนื่องจากมาตรการความปลอดภัยในบ้านเมืองของพวกเขาค่อนข้างสูง ทำให้ผู้คนไม่จำเป็นจะต้องมีรั้วบ้าน และถึงแม้ว่าจะมีรั้วบ้านก็จะเป็นรั้วด้านหลังบ้าน หรือรั้วเล็กๆ เพื่อแสดงบริเวณบ้านเท่านั้น ไม่ใช่รั้วที่ครอบคลุมทั้งบริเวณสวนและตัวบ้านแบบประเทศไทยนั่นเอง อีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในยามค่ำคืนให้กับรั้วบ้านของคุณคือแสงสว่างจากโคมไฟและหลอดไฟ ดังนั้นในวันนี้พวกเราจะมาแนะนำไอเดียที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งติดโคมไฟ เช่น โคมไฟติดผนัง โคมไฟแบบเส้น เป็นต้น ที่รั้วบ้านของคุณ เพื่อความสวยงามและเพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้าน

ติดตั้งโคมไฟคู่ที่เสาของรั้วบ้าน เน้นความปลอดภัย

ประตูรั้วบ้านนั้นเป็นทางเข้าสู่บ้าน ดังนั้นจึงควรมีแสงสว่างให้เพียงพอต่อการขับรถเข้าไปจอดข้างในบ้านสำหรับคุณหรือแขกที่มาเยี่ยมเยียนนั่นเอง ซึ่งโคมไฟติดผนังในลักษณะนี้ นอกจากจะทำให้ภาพรวมของรั้วบ้านดูสวยงามมากขึ้น ก็ยังเป็นสิ่งที่แสดงอาณาเขตบ้านของคุณด้วย อีกทั้งยังทำให้คุณสามารถมองเห็นด้านนอกของรั้วได้อย่างชัดเจนว่ามีโจร ขโมย หรือสัตว์ร้ายอยู่บริเวณนั้นหรือเปล่าด้วย

เพิ่มความสวยงามให้กับรั้วไม้ด้วยโคมไฟแบบเส้น

อย่างที่เคยได้กล่าวไปในบทความก่อนหน้านั้นแล้วว่า..โคมไฟแบบเส้นนั้นค่อนข้างเป็นที่นิยมในปัจจุบัน เพราะสามารถผสมผสานให้เข้ากับหลากหลายสไตล์ได้ อีกทั้งการเปลือยหลอดไฟก็ยังทำให้ดูมีความมินิมอลเล็ก ๆ ด้วย รวมไปถึงแสงสีเหลืองนวลจากหลอดไฟก็ช่วยทำให้บรรยากาศอับชื้นหรือรกทึบของพรรณไม้บริเวณรั้วดูอบอุ่นและรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นโคมไฟแบบเส้นจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุณสามารถเลือกนำมาตกแต่งรั้วไม้ โดยจะติดตั้งด้านนอกหรือด้านในของรั้วบ้านก็ได้

เลือกติดตั้งโคมไฟเฉพาะจุดที่ต้องการใช้งาน

คุณไม่จำเป็นต้องติดตั้งโคมไฟตลอดความยาวของรั้วบ้าน สามารถเลือกติดตั้งบริเวณที่ต้องการใช้งานหรือมุมมืดได้ เช่น บริเวณประตูรั้วทางเข้า จุดอับสายตา เป็นต้น เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งานและเพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับบ้านของคุณ โดยแสงจากหลอดไฟที่แนะนำให้เลือกใช้คือแสงไฟสีขาว จะทำให้คุณทำกิจกรรมได้อย่างสะดวก เช่น ป้องกันการสะดุดล้มขณะเดินเข้าด้านในของรั้วบ้าน เป็นต้น อีกทั้งแสงไฟสีขาวยังช่วยให้คุณมองเห็นสิ่งแปลกปลอมในยามค่ำคืนได้อย่างชัดเจนอีกด้วย

โคมไฟตั้งพื้น สร้างความกลมกลืนให้กับรั้วและสวนหน้าบ้าน

เรามักไม่ค่อยเห็นการเลือกใช้โคมไฟตั้งพื้นมาติดตั้งบริเวณรั้วบ้าน เนื่องด้วยสาเหตุหลายประการ อาทิ วัฒนธรรม การใช้งาน พื้นที่ งบประมาณ เป็นต้น แต่ก็บอกได้ว่าโคมไฟตั้งพื้นนี้ดูสวยงามและกลมกลืนเข้ากับสไตล์ของบ้านอย่างแท้จริง ซึ่งสามารถติดตั้งเพียง 1 โคมไฟได้ ไม่จำเป็นต้องติดตั้งเป็นคู่ และแสงไฟที่แนะนำก็คือแสงไฟสีเหลืองนวล จะช่วยให้พืชพรรณไม้บริเวณสวนหน้าบ้านของคุณดูสวยงามโดดเด่นขึ้นในยามค่ำคืน หากคุณชื่นชอบการตกแต่งบ้านสไตล์อังกฤษก็ไม่ควรพลาดที่จะหยิบโคมไฟนี้มาติดตั้งบริเวณรั้วบ้านของคุณ

เพิ่มแสงเงาให้กับรั้วด้วยโคมไฟเสาเตี้ยและโคมไฟฝังผนัง

โคมไฟเสาเตี้ยมักติดตั้งตามทางเดินในสวนมากกว่าติดตั้งบริเวณรั้ว แต่การนำโคมไฟเสาเตี้ยมาประยุกต์ใช้กับการตกแต่งรั้วนั้นก็ถือว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่น่าสนใจไม่น้อย กำแพงในลักษณะนี้จะทำให้เกิดเงาที่สวยงามตามช่วงเวลาต่าง ๆ จากแสงอาทิตย์ ซึ่งในช่วงเวลากลางคืนก็ใช้โคมไฟเสาเตี้ยช่วยให้แสงสว่างที่ทำให้เกิดเงาได้ สวนของคุณก็จะเกิดมิติและความสวยงามจากแสงและเงา อีกทั้งโคมไฟฝังผนังก็ยังช่วยให้พืชพรรณที่ปลูกไว้ด้านหน้ารั้วโดดเด่นขึ้นและสร้างปลอดภัยให้กับบ้านของคุณด้วยเช่นกัน

จะเห็นได้ว่าโคมไฟสามารถติดตั้งได้ทั้งภายในและภายนอกบ้าน เพราะมนุษย์จำเป็นต้องใช้แสงสว่างในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทั้งกิจกรรมกลางแจ้งและกิจกรรมในร่ม ดังนั้นโคมไฟและหลอดไฟที่ช่วยให้ความสว่างนั้นจึงจำเป็นกับมนุษย์อย่างมากเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะทำให้เกิดความสะดวกสบายแล้ว ยังทำให้บ้านของคุณมีบรรยากาศที่ดีขึ้น รวมไปถึงก่อให้เกิดความปลอดภัยด้วยเช่นกัน โดยแสงไฟที่เหมาะกับทำกิจกรรมและช่วยให้เกิดความปลอดภัยนั้นคือแสงไฟสีขาว แต่แสงไฟที่ช่วยเพิ่มบรรยากาศดี ๆ ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เน้นไปที่การตกแต่งมากกว่าก็คือแสงไฟสีเหลืองนวล คุณจึงควรเลือกใช้แสงไฟจากโคมไฟให้เหมาะสม อีกทั้งการเลือกประเภทโคมไฟก็สำคัญเช่นกัน อาทิ โคมไฟเพดาน โคมไฟระย้า เป็นต้น เลือกให้เหมาะกับการใช้งานก็จะเกิดประโยชน์อย่างสูงสุดนั่นเอง