ในปัจจุบันนี้ พรมปูพื้น ที่นิยมใช้ตกแต่งบ้านมีหลายชนิดหลายประเภท ทำจากวัสดุที่หลากหลายและมีการใช้เทคโนโลยีพัฒนาต่อยอดไปมากมาย ซึ่ง พรมปูพื้น แต่ละชนิดก็เหมาะกับการใช้งานที่แตกต่างกัน และถ้าหากเราไม่รู้ข้อมูลเชิงลึกมาก่อน แล้วไปเลือกซื้อ พรมปูพื้น โดยเน้นเฉพาะแค่ว่ามองดูภายนอกแล้วมีลวดลายและดีไซน์ที่สวยงามเพียงอย่างเดียว อาจจะทำให้ซื้อพรมาแล้วใช้งานไปได้ไม่นานอาจต้องซื้อใหม่ได้เพราะใช้ผิดประเภทหรือเลือกมาไม่เหมาะสมกับการใช้งานนั่นเอง
รวมประเภทของ พรมปูพื้น กับคุณสมบัติที่น่ารู้ ก่อนเลือกไปใช้งานให้เหมาะสม
1. พรมปูพื้น ไนลอน (Nylon)
พรมปูพื้น ที่หลายคนให้ความสนใจนิยมกันอย่างมาก เนื่องจากเป็นพรมที่มีโทนสีให้เลือกได้หลายสี มีคุณสมบัติที่ทนทานอย่างมากที่สุด มีความสามารถในเรื่องการป้องกันน้ำ ป้องกันรอยของการขีดข่วน เชื้อรา รวมทั้งสารเคมีได้อย่างดี อีกทั้งยังดูแลรักษาได้ง่ายกว่า ส่วนเรื่องราคาของพรมไนลอนก็ไม่แพงมาก แต่ราคาจะสูงกว่าพรมโพลีเอสเตอร์และพรมโพลีโพรไพลีนไม่มากนัก แต่หากมีการโดนแดดเป็นเวลานาน ๆ สีของพรมก็จะซีด พรมไนลอนมีอายุการใช้งานค่อนข้างยาวนานสิบปีขึ้นไป
2. พรมปูพื้น โพลีโพรไพลีน (Polypropylene)
พรมโพลีโพรไพลีนชนิดนี้ ก็ได้รับความนิยมมากเช่นกัน แต่จะรองลงมาจากพรมไนลอน ซึ่งก็มีคุณสมบัติที่สามารถป้องกันคราบสิ่งสกปรกได้อย่างดี แต่ในเรื่องของการกันน้ำนั้นต้องบอกว่าพรมโพลีเตอร์จะกันได้ดีกว่า และมีคุณสมบัติในเรื่องการป้องกันรอยขีดข่วนและป้องกันเชื้อรา สามารถทำความสะอาดได้ง่าย ซึ่งสามารถใช้กับบริเวณพื้นที่ที่ต้องการรองรับน้ำหนักอย่างมากได้ เช่น ห้องนั่งเล่น หรือใช้กับสนามหญ้าเทียมได้ เรื่องราคาจะถูกกว่าพวกพรมขนสัตว์ พรมไนลอนและพรมโพลีเอสเตอร์
3. พรมปูพื้น โพลีเอสเตอร์ (Polyester)
เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า พรมเส้นใยสังเคราะห์ มีเนื้อสัมผัสที่นุ่มฟู ป้องกันสิ่งสกปรกได้ดี แต่มีความทนทานน้อย ไม่เหมาะกับการใช้งานหนัก นอกจากนี้ยังให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างหรูหรา รู้สึกว่านุ่มและสบาย สามารถกันน้ำได้ แต่เรื่องความสกปรก คราบต่าง ๆ ยังเป็นรองพรมไนลอน ทำความสะอาดค่อนข้างที่จะยากกว่าพรมอื่น ๆ และพรมไม่มีคุณสมบัติที่จะใช้ในเรื่องการรองรับน้ำหนักได้เหมือนเช่นพรมชนิดอื่น และหากโดนแดดเป็นเวลานาน สีก็จะซีด โดยภาพรวมจึงเหมาะกับบริเวณพื้นที่ที่ใช้งานไม่หนักมาก อย่างเช่น ห้องนอน เป็นต้น
4. พรมปูพื้น โพลีเอทิลีน (Polyethylene)
พรมปูพื้น ชนิดนี้ต่างจากพรมชนิดอื่นๆซึ่งมีคุณสมบัติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งโดยส่วนใหญ่พรมโพลีเอทิลีนนั้น จะใช้วัสดุที่ทำมาจากฝาขวดที่ทิ้งแล้วนำมารีไซเคิล และอธิบายข้อดีของพรมชนิดนี้คือ มีโทนสีให้ความสดใสและมีสัมผัสที่ค่อนข้างหลากหลาย สามารถป้องกันสิ่งสกปรกที่เป็นคราบได้มากกว่าพรมไนลอน เนื่องจากขั้นตอนการผลิตพรมชนิดนี้ ทำมาจากพลาสติก ดังนั้นจึงทำให้ไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ และมีราคาค่อนข้างต่ำกว่าพรมขนสัตว์และกับพรมไนลอน โดยเวลาสัมผัสกับพรมชนิดนี้จะรู้สึกไม่ค่อยนุ่มสบายนัก เพราะวัสดุที่ใช้ผลิตเป็นพลาสติก
5. พรมปูพื้น ขนสัตว์ (Wool)
พรมชนิดนี้เป็นพรมที่ผลิตจากขนสัตว์แท้ จึงทำให้มีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากขั้นตอนการผลิตมีการทำจากธรรมชาติ 100% ความรู้สึกที่ได้จากพรมขนสัตว์ คือ ให้ความเรียบหรู มีขนที่หนานุ่ม มีความแข็งแรง และมีคุณสมบัติที่สามารถป้องกันคราบ และรอยสกปรกต่างๆได้ ในเวลาที่สัมผัสจะให้ความรู้สึกที่นุ่ม และสบายมากกว่า เหล่าบรรดาพรมทุกชนิดที่มี มีคุณลักษณะที่ทนทานต่อการใช้งาน มีโทนสีให้เลือกมากมาย ส่วนข้อเสียก็อาจทำให้เกิดภูมิแพ้หรือไม่เหมาะกับคนที่แพ้ขนสัตว์ ในเรื่องของการทำความสะอาดนั้นถือว่ายาก และหากพรมโดนแดดและสารเคมีสำหรับทำความสะอาดจะทำให้สีของพรมซีดได้ และหากเมื่อใช้งานไปนาน ๆ จะมีบรรดาแมลงมาอยู่อาศัยใต้พรมหรือในเนื้อพรมได้ จึงต้องคอยหมั่นทำความสะอาดเป็นประจำ
6. พรมปูพื้น อะคริลิก (Acrylic)
พรมอะคริลิกเป็นพรมที่ผลิตขึ้นมาให้มีลักษณะคล้ายพรมขนสัตว์ หรือเลียนแบบพรมขนสัตว์ แต่ทำมาจากเส้นใยสังเคราะห์จึงทำให้ราคาถูกกว่ามาก มีความนุ่มนวลเมื่อสัมผัส ให้ความรู้สึกหรูหรา ในขณะเดียวกันก็มีคุณสมบัติของเส้นใยสังเคราะห์นั่นก็คือลวดลายหลากหลาย ทนทาน ป้องกันคราบสกปรกและความชื้นได้ดี เหมาะกับห้องนอนหรือห้องส่วนตัว การผลิตพรมชนิดนี้ ซึ่งข้อดีคือ ไม่มีคุณสมบัติที่ก่อให้เกิดไฟฟ้าสถิต สามารถกันความชื้นและคราบสิ่งสกปรกได้ แต่ในเรื่องของความแข็งแรงนั้น อาจไม่ทนทานนัก จึงไม่เหมาะกับการใช้งานหนัก ๆ นั่นเอง
รูปทรงของพรมสะท้อนความรู้สึก กับเคล็ดลับเลือก พรมปูพื้น ให้สัมพันธ์กับบรรยากาศ
อีกหนึ่งเทคนิคในการเลือกซื้อ พรมปูพื้น แบบง่าย ๆ นอกเหนือจากการเลือกพรมให้ถูกประเภทแล้ว คือการเลือกตามความรู้สึกหรือตามบรรยากาศที่เราต้องการจะสร้างให้กับห้องนั้น ๆ โดยหลักแล้วจะมีอยู่ราว ๆ 3 อารมณ์ที่อยากจะแนะนำให้ลองนำไปใช้ในการเลือก ดังนี้
- พรมปูพื้น มอบความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย ควรเป็นกลมที่มีสีอบอุ่น สีในโทนพาสเทลหรือสีเข้ม ควรเป็นพรมที่มีสีพื้นผิวเพียงสีเดียว เช่น สีครีม สีเทา สีดำ เป็นต้น
- พรมปูพื้น มอบความรู้สึกหรูหรา ดูดี ความรู้สึกหรูหราดูดี ด้วยการเลือกใช้พรมประเภทขนสัตว์ที่มีความนุ่มฟู
- พรมปูพื้น มอบความรู้สึกเท่ ดูโมเดิร์น ควรใช้ประเภทที่เป็นลายกราฟฟิก ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นลายที่มีเอกลักษณ์บ่งบอกระบายและความนิยมของผู้เลือกใช้งาน หรือการเลือกซื้อสีมืด ๆ ที่ให้ความรู้สึกเยือกเย็น มืดดำ จะทำให้รู้สึกถึงความเท่แบบมีสไตล์ได้ตามที่ต้องการ
การเลือกซื้อ พรมปูพื้น ให้สะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของห้องออกมาให้ได้ตามที่เราต้องการ อาจจะสามารถเลือกจากรูปทรงต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- รูปทรงกลม ให้ความรู้สึกถึงความนุ่มนวล ละมุน อ่อนโยน รู้สึกอบอุ่นและผ่อนคลาย เหมาะกับการใช้ในห้องที่ต้องการพักผ่อน เช่นห้องนอน หรือมุมนั่งเล่น
- รูปทรงสี่เหลี่ยม ไม่ว่าจะเป็นผืนผ้าแบบพอดี ๆ ผืนผ้าแนวยาว หรือจัตุรัส ถือได้ว่าเป็นรูปทรงพื้นฐานสำหรับ พรมปูพื้น การเลือกใช้งานและมักจะถูกนำมาใช้มากที่สุด ให้ความรู้สึกถึงความมั่นคง เรียบหรูดูดี
- รูปทรง Free Form เป็นรูปทรงที่พบได้มากขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นรูปครึ่งวงกลม รูปดาว ไข่ดาว สัตว์ ใบไม้ต่าง ๆ ที่เรามักจะพบเห็นได้ในเว็บไซต์หรือร้านค้าออนไลน์ทั่วไป โดยการนำไปใช้จะให้ความรู้สึกถึงความสนุกสนาน ผ่อนคลาย สามารถสร้างพลังงานให้มีความกระตือรือร้น สดใส รู้สึกแอคทีฟ และทันสมัย
และนี่ก็คือการปูพื้นฐานสุดเบสิกที่คนอยากจะเลือกซื้อ พรมปูพื้น จะต้องรู้ไว้ เพราะพรมแต่ละประเภทแต่ละสัมผัสแต่ละรูปทรงย่อมมอบความรู้สึกและฟีลลิ่งที่แตกต่างกัน ดังนั้นจะต้องเลือกให้เหมาะสมว่าคุณอยากจะได้ พรมปูพื้นห้องนั่งเล่น สไตล์ไหน หรืออยากจะให้ห้องนอนมีบรรยากาศแบบไหนก็ต้องเลือก พรมปูพื้นห้องนอน ให้เข้ากันนั่นเอง