พรมปูพื้น ไอเทมที่ไม่ได้มีไว้แค่ปูพื้นเพื่อปกปิดพื้นหรือเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังทำให้บ้านของคุณดูดีมีสไตล์ สะท้อนตัวตน และยังใช้ประโยชน์ด้านอื่น ๆ ได้อีกด้วย แต่เชื่อเถอะว่ากว่าจะเลือก พรมปูพื้น ได้สักผืน หลายคนต้องคิดแล้วคิดอีกหรือใช้เวลาตัดสินใจนาน เพราะพรมที่วางไว้แต่ละห้องก็ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน เปลี่ยนห้องที่แสนธรรมดาให้หรูหรา มีรสนิยมขึ้นมาได้ นอกจากนี้ พรมปูพื้น คุณภาพดียังให้ความรู้สึกอ่อนนุ่ม ช่วยให้บรรยากาศห้องดูผ่อนคลาย ซึ่งตัดกับพื้นผิวของผนังและพื้นที่ให้ความรู้สึกแข็งกระด้าง ดังนั้นถ้าคุณจะเลือกพรมสักผืนควรดูทั้งสี ดีไซน์ และคุณภาพของวัสดุที่นำมาใช้ทำ เพราะพรมที่ดีจะต้องไม่เก็บฝุ่น ดูดซับเสียง ไม่เป็นขุยง่าย และรักษาอุณหภูมิของห้องให้อบอุ่นได้ด้วย
การเลือก พรมปูพื้น ดี ๆ สักผืนต้องดูอะไรบ้าง?
ก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อพรมปูพื้นนั้น มีหลายอย่างที่เราอยากให้คุณได้รู้ก่อนที่จะด่วนตัดสินใจซื้อ เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ และตกแต่งพื้นที่ห้องได้อย่างสวยงาม แนะนำว่าควรดู 4 อย่างนี้ก่อน
- พื้นที่ห้องและลักษณะการใช้งาน เริ่มจากอันดับแรกคุณต้องรู้ว่าพื้นที่ที่ต้องการ พรมปูพื้น คือห้องไหนบ้าง หรือพื้นที่ไหนบ้าง เพื่อที่จะได้สามารถกำหนกขนาดรวมทั้งหมด พร้อมลักษณะการใช้งานได้อย่างเหมาะสม
- พรมปูพื้นห้องนั่งเล่น หรือ พรมปูพื้นห้องรับแขก : การมี พรมปูพื้น ไว้ที่บริเวณห้องนั่งเล่นหรือห้องนั่งแขก จะเป็นการช่วยจำกัดพื้นที่ให้ทุกคนในครอบครัวใกล้ชิดกันมากขึ้นโดยปริยาย ซึ่งการเลือกขนาดของ พรมปูพื้น นั้นอาจดูจากพื้นที่ของชุดโซฟา หรือถ้าหากไม่สามารถหาขนาดที่พอดีกับโซฟาได้ ก็อาจเลือกพรมปูพื้นที่มีขนาดเลยออกมาจากโซฟาเล็กน้อย ส่วน พรมปูพื้น ที่แนะนำให้ใช้ควรเป็นพรมผิวเรียบหรือมีขนสั้น เพราะพื้นที่นี้จะมีการใช้งานบ่อยและโดนกดทับค่อนข้างเยอะ นอกจากนี้ พรมปูพื้น ลักษณะนี้จะทำความสะอาดได้ง่ายกว่าด้วย
- พรมปูพื้น ห้องรับประทานอาหาร ให้ดูพื้นที่ของโต๊ะและเก้าอี้รับประทานอาหารว่ามีความกว้างแค่ไหน เช่นเดียวกับ พรมปูพื้นห้องนั่งเล่น หรือพรมปูพื้นห้องรับแขก เพราะเวลารับประทานอาหารเก้าอี้จะได้ไม่เลยพื้นที่ที่ปูพรมออกมา ไม่ควรเลือกพรมที่มีขนาดเล็กกว่า ส่วนพื้นผิวของพรมปูพื้นก็เหมือนห้องนั่งเล่นและห้องรับแขก คือเป็นพรมผิวเรียบหรือแบบขนสั้นเหมือนกับห้องนั่งเล่น เนื่องจากสามารถดูแลและทำความสะอาดได้ง่าย
- พรมปูพื้นห้องนอน เพราะห้องนอนเป็นพื้นที่ที่ต้องมีบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เพื่อไว้ใช้ในการนอนหลับหรือพักผ่อน ลักษณะพรมที่ใช้ต้องมีความนุ่มฟู ขนหนา มีความแน่น ส่วนขนาดพรมที่ปูบริเวณเตียงนอนให้เลือกที่รองรับด้านข้างเตียงทั้งสองฝั่ง เวลาขึ้น-ลงเตียงเท้าจะสัมผัสพื้นพรมนั่นเอง และบริเวณหัว-ท้ายเตียงนอนอาจให้พรมเลยออกมาน้อยเล็กน้อยก็ได้
- ชนิดของ พรมปูพื้น มีกี่แบบ? หลังจากที่เราดูลักษณะการใช้งานไปแล้ว ต่อมาให้เลือกวัสดุที่ใช้ว่า พรมปูพื้น มีกี่ชนิดและเหมาะกับการใช้งานแบบไหนบ้าง
- พรมไนลอน เป็นพรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน เพราะมีคุณสมบัติป้องกันน้ำ เชื้อรา สารเคมี และรอยขีดข่วน เรียกว่าคุณภาพดี ราคาเอื้อมถึง
- พรมโพลีโพรไพลีน ได้รับความนิยมรองลงมาจากพรมไนลอน มีคุณสมบัติเด่น ๆ คือ ป้องกันคราบสกปรกต่าง ๆ เหมาะกับพื้นที่หรือบริเวณที่ถูกกดดับและมีการใช้งานค่อนข้างบ่อย เช่น ห้องนั่งเล่น นอกจากนี้ยังทำความสะอาดง่าย และราคาย่อมเยามากกว่า พรมปูพื้น ชนิดอื่น ๆ
- พรมโพลีเอสเตอร์ เป็นพรมที่เหมาะกับพื้นที่บริเวณห้องนอน เพราะมีลักษณะนุ่ม ฟู ดูหรูหรา ที่สำคัญมาพร้อมคุณสมบัติที่กันน้ำและดักจับฝุ่นได้เป็นอย่างดี แต่จะทำความสะอาดค่อนข้างยาก ไม่ค่อนเหมาะกับการใช้งานหนักสักเท่าไหร่
- พรมโพลีเอทิลีน เป็นพรมรักษ์โลกที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะมีการใช้พสาติกมารีไซเคิลเป็นวัสดุในการผลิต จึงทำให้มีข้อดีตรงที่ว่าสามารถป้องกันคราบสิ่งสกปรกต่าง ๆ เหมาะกับคนที่เป็นภูมิแพ้มาก ๆ เนื่องจากไม่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ราคาไม่สูง แต่ความนุ่มจะไม่เท่ากับพรมชนิดอื่นนั่นเอง
- พรมอะคริลิก เป็นพรมที่มีราคาค่อนข้างถูก ใครที่มีงบประมาณไม่มาก ขอแนะนำพรมชนิดนี้แทน โดยความโดดเด่นของพรมอะคริลิกอยู่ที่ความสวยงามและป้องกันคราบหรือความชื้นได้ดีทีเดียว
- ลักษณะการใช้งานพรมปูพื้น เมื่อเรารู้จักพรมแต่ละชนิดไปแล้ว สิ่งถัดมาที่ต้องทำคือ ดูว่าห้องไหนในบ้านที่ต้องการพรมปูพื้น บ้าง และแต่ละห้องมีการใช้งานมากน้อยแค่ไหน
- พื้นที่บริเวณห้องที่มีการใช้งานหนักหรือบ่อย จะเป็นห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น หรือโถงทางเดิน เพราะมีคนเดินผ่านไปมาอยู่ตลอดเวลา หากจะเลือก พรมปูพื้น ควรเลือกชนิดที่มีความทนทานสูง มีคุณสมบิตป้องกันคราบสิ่งสกปรก ป้องกันน้ำ และทำความสะอาดง่าย ส่วนลักษณะของพรมควรเป็นพรมขนสั้น มีลวดลาย เพื่อช่วยพรางสิ่งสกปรกเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเกิดขึ้น
- พื้นที่บริเวณห้องที่ใช้งานน้อยหรือไม่ค่อนได้ใช้งาน อย่างห้องนอนจะเป็นจุดที่ไม่ค่อยได้เดินไปมาบ่อยนัก เพราะเราจะใช้เวลาอยู่บนเตียงนอนมากกว่า จึงแนะนำให้ใช้พรมที่มีขนหนาเพื่อเสริมสร้างบรรยากาศ มอบความรู้สึกผ่อนคลาย แต่ต้องทำความสะอาดหรือดูดฝุ่นอยู่บ่อย ๆ
- สีหรือดีไซน์ที่เหมาะสมกับพื้นที่ห้อง เพราะสีหรือดีไซน์ที่แตกต่างกัน จะทำให้บรรยากาศห้องแตกต่างกันออกไป
- พรมสีอ่อน จะช่วยให้ห้องดูมีบริเวณกว้างขึ้น ดูสว่าง สบายตา ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย แต่จะไม่ค่อยเหมาะกับห้องที่มีฝุ่นคราบเยอะ ๆ
- พรมสีเข้ม ช่วยให้ห้องดูมีความหรูหรา จริงจัง เป็นทางการ ข้อดีคือไม่ค่อยเห็นคราบหรือรอยสิ่งสกปรก แต่อาจทำให้ห้องดูมืด ไม่ค่อยสว่าง
ลองจินตนาการ พรมปูพื้น กับบรรยากาศของห้องที่อยากได้ดูก่อนตัดสินใจ
ลองหลับตาแล้วจินตนาการดูว่า นอกจากเรื่องฟังก์ชันแล้วอารมณ์หรือความรู้สึกที่อยากได้จากบริเวณห้องนั้น ๆ คือบรรยากาศแบบไหน
- ความรู้สึกอบอุ่น ผ่อนคลาย ควรเลือกพรมที่มีขนหนานุ่ม สีละมุน ให้ความสบายเท้าเมื่อสัมผัส
- เติมเต็มความหรูหรา เพิ่มสไตล์ให้กับห้อง มีความเรียบหรู อาจใช้พรมเป็นสีเข้ม แต่ถ้าอยากให้ความรู้สึกที่กว้างขวาง โอ่อ่า แนะนำให้เลือกพรมสีอ่อน
- ทันสมัย ตามเทรนด์ ถ้าอยากให้ห้องหรือบริเวณนั้น ๆ มีกลิ่นอายของความทันสมัย ลองหาพรมขนสั้นลวดลายเก๋ ๆ ที่ตรงกับความชอบหรือรสนิยมมาปูเฉพาะจุด เช่น รอบโต๊ะทำงาน เก้าอี้ห้องรับแขก เป็นต้น
ดังนั้นการเลือก พรมปูพื้น สักผืนมาปูบริเวณห้องใดห้องหนึ่ง ต้องการ ไม่ว่าจะเป็น พรมปูพื้นห้องรับแขกหรือ พรมปูพื้นห้องนอน ต้องทำความเข้าใจและรู้ถึงข้อดีข้อเสียของพรมแต่ละแบบ ใช้วัสดุหลักที่ใช้ รวมถึงวิธีการทำความสะอาด เพื่อที่เราจะได้เลือกซื้อพรมให้เหมาะสมกับการใช้งานจริง ๆ และช่วยสร้างบรรยากาศให้ห้องได้ตามที่ต้องการ ซึ่งจะเห็นได้ว่าพรมมีทั้งประโยชน์ในด้านการใช้สอยและด้านการใช้งาน เพียงแค่เราเลือกให้เหมาะสมกับบ้านแต่ละบริเวณ