โทนสีของแสงสว่างจากโคมไฟช่วยเติมเต็มเสน่ห์ให้กับห้องต่างๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นโทนสีอุ่นหรือโทนเย็น ล้วนสร้างบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไปตามการใช้งาน ดังนั้น Mood หรืออารมณ์ความรู้สึกจึงมีความสัมพันธ์กับแสงไฟที่ถูกใช้ตกแต่งภายในห้อง ความประทับใจที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นมา แสงสว่างจะเป็นตัวเข้ามาช่วยเติมเต็มความพร่องบางส่วน ทำให้บ้านดูมีชีวิตชีวามากขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งแบบไหน แสงไฟจากโคมไฟที่มีให้เลือกหลากหลายรูปทรง รวมถึงสไตล์ของอารมณ์ที่แสงจากหลอดไฟมอบให้ ล้วนมีความสำคัญยิ่ง แม้เราจะใช้แสงสว่างจากหลอดไฟในช่วงเวลากลางวันเพียงน้อยนิดเท่านั้น แต่สำหรับบรรยากาศตั้งแต่พลบค่ำไป มันก็เริ่มกลายเป็นความจำเป็นที่เราอยากได้มากกว่าแค่ประโชน์ใช้สอย แน่นอนว่าความสวยงามคือสิ่งที่เราต้องการเช่นเดียวกัน ดังนั้นลองมาทำความรู้จักกับแสงสว่างที่ใช้ในการตกแต่ง ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนเสน่ห์ให้บ้านน่าอยู่อาศัย ดูน่าประทับใจได้แบบไม่ยาก
เลือกจัดบ้านให้ดี ด้วยการใช้แสงสว่างจากโคมไฟที่เป็นมากกว่าแค่ "แสงไฟหลัก"
เรามักจะพูดถึงระบบแสงไฟหลักและแสงไฟรองเป็นองค์ประกอบใหญ่ๆ ที่จัดแบ่งประเภทของโคมไฟในการส่องสว่าง ซึ่งแน่นอนว่าโคมไฟที่เป็นแสงหลักจะถูกติดตั้งเอาไว้ และมักเป็นแผนการแรกๆ ที่เราใช้ในระบบไฟฟ้า ทว่าสำหรับแสงหลักในส่วนนี้เราจะไม่ขอกล่าวถึง เพราะสิ่งที่ต้องการเน้นคืออารมณ์ความรู้สึกที่น่าประทับใจจากแสงไฟมากกว่าการให้รายละเอียดอันเด่นชัด บางครั้งการตกแต่งบ้านที่มีชีวิตชีวา อาจจะมาจากการวางแผนแสงสว่างที่ใช้ตกแต่งให้ถูกต้องมากกว่าที่มันจะเป็นแสงไฟหลัก ดังนั้นหากต้องการบรรยากาศที่ผ่อนคลาย อบอุ่นน่าอยู่ หรือจะเป็นห้องที่เน้นความจริงจัง อย่างโฮมออฟฟิศ เราก็เลือกใช้แสงรองเป็นทางเลือกนำมาประยุกต์ใช้งานกับการแต่งบ้านให้ดูเก๋น่ามองได้เช่นกัน
ประเภทของการจัดบ้านด้วยแสงสว่างจากโคมไฟที่คนอยากแต่งบ้านต้องรู้
ประเภทของแสงไฟที่เราใช้ในการตกแต่งเป็นแสงไฟรอง ซึ่งถูกจัดแบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลักๆ ด้วยกัน คือ
1.Accent Lighting - เป็นแสงไฟแบบส่องเน้น ในส่วนนี้จะใช้สำหรับการส่องเน้นบริเวณวัตถุที่ต้องการ วัตถุประสงค์ก็เพื่อช่วยทำให้เกิดความน่าสนใจ เป็นจุดดึงดูดสายตา นิยมใช้หลอดไฟขนาดเล็ก พื้นที่ส่องสว่างแบบจุด
2.Effect Lighting - เป็นแสงสว่างที่ช่วยสร้างความน่าสนใจอีกประเภทหนึ่ง แต่จะช่วยเน้นสร้างบรรยากาศให้กับห้องดังกล่าว ไม่ใช่ส่องเพื่อสร้างความน่าประทับใจให้กับวัตถุ เช่น การส่องสว่างแสงไฟให้กระทบผนังบ้าน แล้วสะท้อนกลับออกมา เป็นต้น
3.Architectural Lighting - แสงสว่างในงานสถาปัตยกรรม ที่ใช้งานเกี่ยวกับความสวยงามด้านนี้เป็นหลัก นิยมใช้เป็นแสงไฟหลืบ หรือหลอดไฟซ่อนอยู่ตามฝ้าเพดาน กำแพง หรือใต้เฟอร์นิเจอร์ แสงเหล่านี้จะส่องแบบอ้อมๆ สะท้อนกลับออกมา โดยมองไม่เห็นอุปกรณ์ใดๆ นอกจากแสงไฟ
4.Decorative Lighting - ตามชื่อเลยก็คือแสงสว่างที่ใช้เพื่อการตกแต่ง เน้นสำหรับความสวยงามเป็นหลัก ไม่เน้นประโยชน์ใช้งาน ช่วยสร้างจุดสนใจให้กับการตกแต่งภายในห้องตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
5.Mood Lighting - แสงสว่างที่ช่วยขับเน้นอารมณ์ความรู้สึก เป็นการใช้ไฟประเภทดิมเมอร์มติดตั้งสร้างบรรยากาศ โดยสามารถปรับระดับแสงให้สว่างมากหรือน้อยได้ เป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ให้ปรับเปลี่ยนไปตามแสงที่ส่องสว่างออกมานั่นเอง
การตกแต่งบ้านเพื่อสร้างอารมณ์ด้วยแสงสว่างจากโคมไฟ
หากเราต้องการเน้นโคมไฟเพื่อใช้สำหรับการตกแต่งจริงๆ แล้วล่ะก็ ประเภทของหลอดไฟมีให้เลือกทั้งแบบไฟโชว์และที่เป็นไฟซ่อน การตกแต่งจะต่างกันออกไปตามบรรยากาศการใช้งานของห้องนั้นๆ โดยมีความสวยงามและน่าประทับใจถูกวางลงไปในแผนการตกแต่งด้วย ทว่าก่อนเริ่มติดตั้งควรวางแผนให้ดีว่า ต้องการบรรยากาศแบบไหน เน้นสีสันตรงส่วนไหนของบ้านที่ต้องการความประทับใจ หรือต้องการให้วัตถุไหนโดดเด่นมากขึ้น ก็ต้องจัดการพูดคุยกับนักออกแบบให้ดี เพื่อช่วยให้ผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นดั่งที่ใจต้องการได้แบบไม่ผิดหวัง
หลอดไฟกับการตกแต่งที่เหมาะสมในแต่ละพื้นที่
มาถึงในส่วนของหลอดไฟที่จะนำไปใช้งานสำหรับการตกแต่งนั้น จะต้องเลือกให้สัมพันธ์กับการใช้งานเช่นเดียวกัน มิเช่นนั้นแสงสว่างที่ออกมาก็จะผิดประเภท ผิดกับที่ตั้งใจไว้ หากเป็นแสงสว่างในห้องน้ำ ไฟจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ ประเภทวอร์มไวท์ จะช่วยให้แสงสว่างรอบๆ กระจกเงาที่ใช้ส่องใบหน้าออกมานุ่มนวล ดูสวยงามและสมจริง ไม่สว่างเว่อร์จนเกินไป
บริเวณห้องครัว คือแสงสว่างที่เน้นความชัดเจน มองเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้มาก ปรุงอาหารและหยิบจับสิ่งของได้สะดวกต่อการมองเห็น หากต้องการตกแต่งให้เลือกใช้เป็นหลอดฟลูออเรสเซนต์เช่นเดียวกันได้ เน้นเป็นโทนวอร์มไวท์ แต่เพิ่มปริมาณหลอดไฟประเภทประหยัดพลังงานเข้ามา ก็จะช่วยให้แสงสว่างในห้องครัวง่ายต่อการใช้งานได้อย่างปลอดภัยและสวยงามไปพร้อมๆ กันได้
สำหรับบริเวณห้องนอน ให้แสงสว่างจำเป็นเท่านั้น เน้นเป็นหลอดไฟที่ตกแต่งเฉพาะจุด มองเห็นในพื้นที่ๆ จำเป็นต้องใช้งาน เช่น บริเวณตู้เสื้อผ้า โคมไฟติดผนังสำหรับใช้อ่านหนังสือข้างเตียง โคมไฟบนโต๊ะเล็กๆ มุมห้องสำหรับทำกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ก่อนนอน เป็นต้น
อย่าลืมวางแผนการเลือกซื้อโคมไฟและหลอดไฟที่ใช้งานได้สัมพันธ์กัน และตอบตัวเองให้ได้ถึงสไตล์ของงานตกแต่งที่ตัวเองต้องการเชื่อมโยงให้เข้ากับบรรยากาศของบ้านด้วย ซึ่งจะช่วยให้เราเลือกประเภทของแสงไฟได้อย่างเหมาะสม เลือกหลอดไฟที่มีทิศทางการกระจายแสงได้อย่างสมดุล จะได้ช่วยตอบโจทย์ความพึงพอใจ ไม่ต้องมานั่งแก้ไขกันบ่อยๆ ให้เสียเวลา