นอกเหนือจากการจัดวางแปลนบ้านให้เป็นไปตามหลักฮวงจุ้ย ซึ่งเป็นหนึ่งในความเชื่อตามแบบฉบับคนจีนแล้ว แสงสว่างยังถือว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ควรถูกติดตั้งให้เหมาะสมกับพื้นที่ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกประเภทของหลอดไฟ โคมไฟ ไปจนถึงจำนวนที่ต้องนำมาใช้ โดยหลักๆ ก็เพื่อสร้างความสบายใจให้กับผู้อยู่อาศัย แต่ก็ยังคงอิงหลักการใช้ประโยชน์ ฮวงจุ้ยจึงเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความเชื่อและเหตุผลไปพร้อมๆ กัน เพราะฉะนั้นเมื่อเลือกตกแต่งบ้านตามหลักความเชื่อนี้แล้ว ก็ควรเพิ่มความเป็นมงคลให้แก่บ้านของตัวเองด้วยการวางแผนจัดการความสว่างในบ้านให้สมบูรณ์แบบไปด้วยเลย
หลักการจัดวางโคมไฟภายในบ้านให้อยู่ในตำแหน่งที่ดีตามหลักฮวงจุ้ย
โคมไฟตามตำราความเชื่อของฮวงจุ้ย จะมีข้อห้ามคือไม่ให้ติดในลักษณะของหลอดไฟกลมๆ ห้อยยาวลงมาแบบ 3 ดวง หรือ 5 ดวง โดยเฉพาะตรงบริเวณบันได เพราะจะมีคามเกี่ยวข้องกับ "ซาซี่" ซึ่งหมายถึงปีศาจ และทางสามแพร่ง การเลือกโคมไฟที่มีรูปทรงแปลกใหม่สำหรับยุคสมัยนี้ หากจะให้สัมพันธ์กับหลักความเชื่อดังกล่าว จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใส่ใจกับรายละเอียด
หากเปรียบเทียบกับเหตุและผลตามหลักความจริงแล้วล่ะก็ โคมไฟในตำแหน่งต่างๆ ของบ้าน เราจำเป็นต้องทราบตำแหน่งที่ดี เมื่อติดตั้งแล้วจะต้องให้ประโยชน์ ไม่ส่งผลเสียตามมา การเลือกตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม จะกลายเป็นปัญหาที่กระทบต่อการอยู่อาศัยของเจ้าบ้าน ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ ตำแหน่งการติดตั้งโคมไฟจึงควรจำลองความเป็นธรรมชาติเข้ามา แสงของหลอดไฟที่ใช้ก็ต้องเลือกระดับการส่องสว่างที่มีอุณหภูมิเทียบเคียงกับแสงสว่างของดวงอาทิตย์ให้มากที่สุด
ตำแหน่งไฟในพื้นที่ต่างๆ ภายในบ้านกับการติดตั้งตามหลักฮวงจุ้ย
โคมไฟประเภทต่างๆ สำหรับใช้ภายในบ้าน จะแบ่งการติดตั้งออกเป็นหมวดหมู่ที่เหมาะสมกับการใช้งาน โดยมีความสัมพันธ์ตามหลักฮวงจุ้ย ดังนี้
1.โคมไฟแบบฝังเพดาน เป็นประเภทของโคมไฟทั่วไปที่ใช้สำหรับห้องน้ำ, ห้องรับแขก และห้องนอน ซึ่งอาจรวมไปถึงทางเดิน แต่ไม่เหมาะสำหรับการติดตั้งภายในห้องครัว
2.โคมไฟติดเพดาน เป็นโคมไฟที่ช่วยให้แสงกระจายความสว่างได้ทั่วถึงทั้งห้อง นิยมใช้เป็นแสงหลักที่สามารถติดตั้งได้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำ ห้องนอน ไปจนถึงห้องครัว ที่จำเป็นต้องใช้แสงสว่างมาก ก็สามารถนำไปใช้ติดตั้งได้
3.โคมไฟแบบสปอร์ตไลท์ เป็นโคมไฟที่ให้แสงสว่างมาก นิยมใช้ติดตั้งภายนอกบ้าน เพื่อให้สามารถมองเห็นแสงสว่างในตอนกลางคืนได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม ดวงไฟประเภทนี้ควรติดเฉพาะแค่ในตำแหน่งที่จำเป็นเท่านั้น อาจจะเพื่อตกแต่งหรือให้แสงสว่างเป็นจุดๆ ไปจะดีกว่า
การเลือกจำนวนหลอดไฟภายในบ้านเสริมความเจริญรุ่งเรือง
เพื่อช่วยเสริมความเป็นมงคลให้แก่ที่พักอาศัย ในทางฮวงจุ้ยแล้วควรให้ความสำคัญกับเรื่องของแสงสว่างมากหน่อย เพราะฉะนั้นจำนวนโคมไฟที่ใช้กับพื้นที่ต่างๆ ของบ้านจึงมีปริมาณที่แตกต่างกัน เป็นตัวช่วยเพิ่มศักยภาพให้ผู้อยู่อาศัย ลดข้อบกพร่องต่างๆ เชื่อกันว่าจะช่วยทำให้ชีวิตราบรื่นมากขึ้น ถือได้ว่าเป็นหลักฮวงจุ้ยที่ง่าย สามารถจัดการได้ด้วยความเข้าใจที่ถูกต้องเท่านั้น
ในการกระตุ้นพลังงานหยางจะเน้นเสริมชื่อเสียงทางทิศใต้ ส่วนทิศตะวันออกเฉียงใต้จะเน้นเพิ่มพลังชีวิต ทิศตะวันออกเกี่ยวข้องกับสุขภาพ ทิศตะวันออกเฉียงเหนือเกี่ยวกับโชคลาภและความรัก ดังนั้นการจัดตำแหน่งไฟของบ้านและจำนวนไฟที่ควรใช้ จะเป็นไปตามหลักฮวงจุ้ยดังนี้
1.จำนวนหลอดไฟที่ประตูรั้ว หลักๆ ควรมีด้วยกัน 2 ดวง วางอยู่ทั้งสองด้าของประตู และให้เปิดทิ้งไว้ในช่วงค่ำคืน จะเป็นตัวช่วยดึงดูดเอาโชคลาภที่ดีเข้ามาภายในบ้าน อีกทั้งการติดไฟ 2 ดวงขนานกันที่ประตูรั้ว ยังเป็นตัวช่วยเติมความสมดุล ช่วยกลบพลังอินซี่จากพื้นที่รกร้างข้างบ้านได้
2.จำนวนหลอดไฟที่เหมาะสำหรับติดตั้งบนโต๊ะทำงาน ควรเป็นดวงไฟ 1 ดวงที่ให้แสงสว่างแบบพอดีๆ จะช่วยเสริมพลังด้านการเงิน และพลังอำนาจที่ทำให้ผู้คนเกิดความเกรงขาม
3.หลอดไฟ 5 ดวง เลขมงคลสำหรับบ้านออฟฟิศ บ้านที่เป็นทั้งที่พักอาศัยและเป็นห้องทำงานไปในตัว ควรใช้หลอดไฟ 5 ดวง ซึ่งถือว่าเป็นเลขดี ช่วยเพิ่มความหนักแน่นมั่นคงในการทำงาน
สีสันของแสงไฟตามหลักฮวงจุ้ยที่เหมาะสมสำหรับการติดตั้งภายในบ้าน
ตามหลักของฮวงจุ้ย โคมไฟที่มีความปลอดภัยมากที่สุด จะต้องไม่มีสีอื่นผสมอยู่ ซึ่งสีที่เหมาะสมมากที่สุดคือแสงสีขาว ก็เพราะว่ามันเป็นแสงสีที่รวมเอาสเปกตรัมของสีต่างๆ มาไว้ด้วยกัน หากต้องการกระตุ้นพลังของตัวเอง ควรเลือกใช้เป็นแสงสีที่เข้ากับพลังงานประจำของทิศนั้นๆ (ในการวางแผนนี้ เจ้าของบ้านต้องเข้าใจก่อนว่าต้องการกระตุ้นชีวิตด้านไหน ที่สัมพันธ์กับทิศใดเสียก่อน)
โดยหลักการตัดสินง่ายๆ คือ ธาตุไฟคือสีแดงสัมพันธ์กับทิศใต้ ธาตุน้ำคือสีน้ำเงินสัมพันธ์กับทิศเหนือ ธาตุโลหะคือสีขาวสัมพันธ์กับทิศตะวันตกและตะวันตกเฉียงเหนือ เวลาเลือกใช้แสงไฟ ควรเลือกใช้ให้เข้ากับธาตุประจำทิศ หรือจะใช้เป็นแสงสีขาวที่กุมเอาพลังงานทั้งหมดมาไว้ในแสงเดียวในตัวก็ได้
แม้หลักฮวงจุ้ยจะเป็นเพียงความเชื่อ แต่ก็ยังสามารถนำเอามาปรับใช้เพื่อให้การติดตั้งโคมไฟในจุดต่างๆ ภายในบ้านมีความสมดุล ไม่ให้แสงสว่างมากหรือน้อยเกินไป เพราะจะส่งผลให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกหงุดหงิด ไม่สบายตัว เกิดเป็นความรู้สึกอึดอัดขึ้นมา แทนที่จะเป็นบ้านอันแสนสุขและมีชีวิตชีวา