โคมไฟดาวน์ไลท์ในปัจจุบันมีหลากหลายรูปแบบที่เราจำเป็นต้องเลือกให้เหมาะสมกับการใช้งาน จึงจะช่วยให้บรรยากาศภายในบ้านสมดุล ซึ่งจะเห็นได้ว่ามือใหม่ที่อยากแต่งแสงสว่างภายในบ้านด้วยโคมไฟประเภทนี้จะเกิดความสงสัยขึ้นมาเลยว่า ไฟดาวน์ไลท์แบบไหนที่ควรนำเอามาใช้ เพราะมีทั้งแบบกลม แบบเหลี่ยม บางชนิดสามารถปรับองศาได้ บางอันเราก็ต้องเลือกหาหลอดไฟที่เหมาะสมมาจัดการใส่เองให้เข้ากัน

บางอันก็เป็นแบบที่มีไฟในตัวโคม สามารถใส่ได้ 2-4 หลอดก็มี ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจเลือกซื้อโคมไฟดาวน์ไลท์ ควรรู้ลักษณะการใช้งานของแต่ละรูปทรงก่อนว่าเหมาะสมกับการใช้งานประเภทใดภายในบ้าน เมื่อเลือกได้ถูกใจ ก็ย่อมช่วยให้การตกแต่งบ้านสมบูรณ์แบบราวกับการสร้างสรรค์จากฝีมือดีไซน์เนอร์กันเลยทีเดียว

โคมไฟแบบดาวน์ไลท์คืออะไร ?

โคมดาวน์ไลท์ ตามชื่อของมันคือ "Downlight Luminair" เป็นโคมไฟที่จะให้แสงสว่างแบบ "ส่องลง" ทำให้แสงสว่างถูกกระจายตัวอยู่ด้านล่าง แม้จะมีขนาดเล็ก แต่กลับให้การใช้งานที่เหนือชั้นกว่าที่หลายคนจะคาดคิด ความนิยมในการนำมาใช้ตามห้องต่างๆ ภายในบ้าน ซึ่งให้ประโยชน์โดยการช่วยเติมแสงสว่างให้กับห้องได้มากพอ ไม่กินพื้นที่ ห้องที่มีพื้นที่จำกัดจึงไม่ต้องเป็นกังวลกับปัญหา ด้วยความกะทัดรัด และยังประหยัดพลังงาน จึงกลายเป็นทางเลือกที่ถูกนำมาใช้เป็นโคมไฟสำหรับบ้านยุคโมเดิร์น ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูสบายตามากเป็นพิเศษ

เลือกซื้อโคมไฟดาวน์ไลท์ต้องคำนึงถึงความเหมาะสมในการใช้งาน

ข้อคำนึงในการเลือกนำเอาโคมไฟดาวน์ไลท์มาติดตั้ง ควรนำมาใช้คู่กับหลอดประหยัดไฟ เนื่องจากมันจะเป็นดวงไฟที่ถูกใช้งานติดต่อกันเป็นเวลานาน เนื่องจากจะใช้เป็นแสงสว่างหลักภายในห้องต่างๆ ของบ้าน ตัวโคมไฟจะต้องสัมพันธ์กันกับหลอดประหยัดไฟ โดยจะมีทั้งการติดตั้งในแนวนอน ประโยชน์คือการกระจายแสงที่ช่วยให้พื้นที่กว้างกว่าหลอดไฟที่ถูกติดตั้งในแนวดิ่ง อีกทั้งยังเหมาะสำหรับฝ้าเพดานที่มีช่องผนังแคบ ส่วนหลอดแบบแนวดิ่งก็มีประโยชน์ไม่แพ้กัน ด้วยลักษณะหน้าโคมที่มีขนาดเล็ก จะช่วยระบายความร้อนได้ดีกว่า แต่มักมีข้อเสียในเรื่องของแสงที่อาจแยงเข้าตาได้หากติดตั้งในตำแหน่งที่ไม่ได้วางแผนให้ดีเสียก่อน

หัวใจของการติดตั้งดาวน์ไลท์ที่จะใช้เป็นแสงสว่างหลักของห้อง เมื่อติดตั้งแล้วมันควรที่จะช่วยสร้างบรรยากาศอบอุ่น และทำให้ห้องดูผ่อนคลาย เหมาะสำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ ห้องที่ดูมืดทึบจะดูสว่างมากกว่าปกติ แต่จะไม่เป็นการสว่างแบบจ้าจนแสบตา จึงนิยมใช้ภายในห้องนั่งเล่นและห้องนอน แต่บางครั้งก็ยังถูกนำไปใช้ในห้องครัว โดยจะใช้หลอดไฟที่มีค่าแสงสูงกว่าปกติ เพื่อให้สามารถมองเห็นรายละเอียดต่างๆ ของห้องได้ชัดเจน

ประเภทของโคมไฟแบบดาวน์ไลท์ที่ควรรู้จัก

ตามร้านค้าทั่วไป เราจะเห็นโคมไฟดาวน์ไลท์อยู่ 4 ประเภทหลัก ที่ได้รับความนิยมในการซื้อหามาใช้งาน ซึ่งได้แก่

1.โคมไฟดาวน์ไลท์แบบฝังใต้ฝ้า ตัวโคมไฟจะฝังในฝ้าทั้งหมด จะโผล่ให้เห็นแค่ส่วนหน้าโคมที่แนบเสมอกับแผ่นฝ้า เป็นชนิดที่ได้รับความนิยมนำมาใช้งานมากที่สุดตามบ้าน ร้านอาหาร และตามโรงแรม

2.โคมไฟดาวน์ไลท์แบบติดลอย เป็นโคมไฟที่พบตามบ้านที่ไม่มีโครงฝ้า เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วจะมองเห็นตัวโคมไฟอย่างชัดเจน การออกแบบของโคมไฟมักจะอยู่ในรูปแบบทรงกระบอก

3.โคมไฟดาวน์ไลท์แบบแขวน การติดตั้งจะมีสายห้อยลงมาจากฝ้าเพดาน ตัวโคมจะโดดเด่นเห็นได้ชัดเจน ดังนั้นมันจึงมีดีไซน์ให้เลือกหลากหลาย การเลือกซื้อนอกจากเพื่อช่วยให้แสงสว่างแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความสวยงามร่วมด้วย

4.ดาวน์ไลท์แบบฝังกึ่งลอย คือจะเหมือนกับว่ามันเป็นโคมไฟที่ฝังอยู่บนฝ้าเพดาน แต่ก็จะมีอีกส่วนโผล่ออกมา จะเหมาะสำหรับบ้านที่อยากให้ฝ้าเพดานมีลูกเล่น ลดข้อจำกัดของพื้นที่ใต้ฝ้า และยังช่วยเติมความสวยงามแปลกตาไปในตัว

วิธีติดตั้งโคมไฟดาวน์ไลท์ให้ถูกตำแหน่ง

โดยทั่วไปแล้วตามหลักมาตรฐานในการติดตั้ง หากเป็นห้องนอนที่มักนิยมใช้ ควรให้โคมไฟติดห่างจากกันทุกๆ 1.5 เมตรในแต่ละดวง ส่วนห้องทำงานเว้นระยะที่ 0.8 เมตร ห้องนั่งเล่นเว้นระยะประมาณ 1 เมตร โดยห้องเหล่านี้เป็นการคำนวณที่ความสูงราวๆ 2.5 เมตร นอกเหนือจากนี้ เราจำเป็นต้องคำนึงถึงขนาดของโคมไฟว่ามีขนาดเล็กหรือใหญ่ เพื่อให้สามารถเลือกซื้อหลอดไฟที่มีจำนวนวัตต์เหมาะสมกันมากที่สุด การจับคู่ระหว่างตัวโคมและหลอดไฟ ยังต้องนึกถึงความสวยงามในการใช้งาน เมื่อติดตั้งแล้วหลอดไฟไม่ควรโผล่ออกมาด้านนอกโคม เพราะจะทำให้ไฟแยงตา และที่สำคัญอย่าลืมเลือกซื้อเป็นหลอดประหยัดไฟที่ช่วยระบายความร้อน ยืดอายุการใช้งาน และลดค่าไฟไปในตัวอีกด้วย

ด้วยความนิยมของโคมไฟดาวน์ไลท์ในปัจจุบัน ก็เพราะข้อดีที่สามารถติดตั้งในพื้นที่จำกัด ห้องที่มีขนาดกะทัดรัด จำพวกคอนโด หรือห้องที่ต้องการสร้างบรรยากาศอบอุ่น เป็นแสงไฟหลักที่ทำให้ห้องดูสวยงาม แต่จะมีข้อจำกัดตรงที่ไม่สามารถนำไปใช้งานสำหรับห้องที่จำเป็นต้องใช้แสงสว่างมากๆ ได้