ในยุคที่การทำงานอยู่บ้านกลายเป็นสิ่งที่เราคุ้นชินกันมากขึ้น นอกจากห้องหลักที่ต้องมีเป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็น ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องน้ำ ในปัจจุบันพื้นที่ภายในบ้านยังถูกจัดแบ่งออกมาเป็นส่วนของห้องทำงานเพิ่มเติมขึ้นมาด้วย ดังนั้นบ้านที่สมบูรณ์แบบในปัจจุบัน มักจะอยู่ในสไตล์ที่เรียกว่า "โฮมออฟฟิศ" 

จุดเด่นที่ควรวางแผน เริ่มต้นตั้งแต่การสร้างบรรยากาศให้มีความผ่อนคลาย แสงสว่างเป็นกุญแจอีกหนึ่งส่วนที่มีความสำคัญ และมองข้ามไม่ได้อย่างเด็ดขาด นอกจากความรู้สึกสบายในการทำงาน การจัดวางตำแหน่งโคมไฟให้เหมาะสม กระตุ้นอารมณ์ให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า พร้อมสำหรับการทำงาน ไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด จะยิ่งช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานต่างๆ ให้ดีขึ้นได้

หลีกเลี่ยงแสงสะท้อนจากโคมไฟ

หลีกเลี่ยงการทำงานภายใต้แสงสะท้อนโดยตรงจากโคมไฟที่มีทิศทางแสงสว่างพุ่งตรงลงมาจากด้านบนของศีรษะ เพราะมันจะทำให้รู้สึกอึดอัด แสบตา ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการทำงาน ทางออกที่จะช่วยให้พื้นการทำงานดูนุ่มนวลขึ้น คือการมองหาวิธีที่จะจัดการแสงสว่างโดยรอบให้กระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ เลือกโป๊ะโคมไฟที่โปร่งแสงสักหน่อย เพื่อช่วยให้แสงเกิดการกระจายตัวออกไปโดยรอบ ส่วนโคมไฟอีกตำแหน่งที่ควรติดตั้งคือบริเวณผนังและโคมไฟแขวนเพดาน เพื่อช่วยเพิ่มความสว่างให้พื้นที่ทำงานได้พอเหมาะ กระตุ้นให้เกิดความตื่นตัว แต่ไม่ใช่แสงสว่างจ้าแสบตา หรือการติดตั้งเอาไว้ในตำแหน่งที่ก่อให้เกิดเงาทึบ ซึ่งจะทำให้บรรยากาศของห้องทำงานดูอึดอัดได้

จัดแสงสว่างให้ตอบโจทย์สำหรับกิจกรรมผ่อนคลายอื่นๆ ด้วย

เพื่อสร้างบรรยากาศที่ยังคงความเป็นบ้านที่อบอุ่น และทำให้รู้สึกเป็นส่วนตัว ไม่ควรปรับแต่งแสงสว่างให้เป็นพื้นที่สำหรับการทำงานที่จริงจังจนเกินไป เพราะสิ่งที่ควรเสริมแต่งเข้าไปด้วย คือบรรยากาศผ่อนคลายที่คุณควรแบ่งเวลาจากการนั่งทำงานอย่างคร่ำเคร่งเป็นการพักผ่อนบ้างสลับกันไปมา

ดังนั้นแสงสว่างที่ควรจัดวางเอาไว้ ควรตอบโจทย์กิจกรรมอื่นๆ ร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนเล็กน้อยหลังจากทำงานติดต่อกันเป็นเวลานาน มีมุมสำหรับนั่งจิบกาแฟและอ่านหนังสือ ติดตั้งโคมไฟเฉพาะจุดเอาไว้เพื่อให้สมองได้พัก บางจุดควรเลือกใช้แสงสว่างสำหรับตกแต่ง ส่องไปยังตำแหน่งของงานศิลปะประจำห้อง ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพหรืองานประติมากรรม เพราะสิ่งนี้จะช่วยทำให้ห้องทำงานดูอบอุ่น สะท้อนบรรยากาศที่นุ่มนวลสบายตา ไม่แข็งกระด้างจนทำให้คุณรู้สึกเครียดกันการทำงานมากเกินไป

เพิ่มประสิทธิภาพให้การทำงานด้วยโคมไฟแขวนเพดาน

ว่ากันว่าโคมไฟแขวนเพดานเหมาะสำหรับพื้นที่โฮมออฟฟิศมากกว่าโคมไฟชนิดอื่น ซึ่งเปรียบเทียบกับโคมไฟแบบฝังฝ้าหรือโคมไฟติดผนัง ลักษณะการกระจายแสงที่เป็นจุด ตำแหน่งการติดตั้งที่คงที่ แสงสว่างจะกระจายในวงรอบที่จำกัด ทำให้เกิดจุดที่มีความเข้มแสงจนไม่น่ามอง แถมยังลดความกระฉับกระเฉงในการทำงาน

เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพของโคมไฟแขวนเพดานที่ช่วยกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึกได้ดีกว่า ในแง่ของบรรยากาศที่ทำให้รู้สึกมีสมาธิกับการโฟกัสงานตรงหน้า และความรู้สึกผ่อนคลายผสมผสานไปด้วยกัน โคมไฟแขวนเพดานให้อารมณ์ที่ลึกซึ้งและตอบโจทย์ได้ดี อีกทั้งความสว่างที่มีความนุ่มนวล การกระจายแสงแบบอ่อนๆ อย่างทั่วถึง เพราะฉะนั้นลองมองหาโคมไฟแบบแขวนเพดานเก๋ๆ ที่ชอบมาติดตั้งให้อยู่ในตำแหน่งสูงจากพื้นขึ้นไปสัก 6 ฟุต กลางห้องทำงานของคุณ จะเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่น ทำให้ห้องทำงานดูสมบูรณ์แบบในบรรยากาศที่เหมาะสมได้

โคมไฟเพื่อการตกแต่งงานศิลปะประจำโฮมออฟฟิศ

แสงสว่างเพื่อสร้างความสว่างให้กับห้องทำงาน ไม่ใช่เพื่อตอบโจทย์ความสะดวกสบายให้งานของคุณมองเห็นได้ชัดเจนในทุกตารางนิ้ว แต่คุณควรแต่งเติมโคมไฟที่ช่วยขับเน้นงานศิลปะที่ติดตั้งเอาไว้ในห้องด้วย ลักษณะของการตกแต่งเช่นนี้เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ห้องทำงานไม่เป็นทางการจนดูไร้ชีวิต มีความยืดหยุ่น ให้อารมณ์ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย ดูมีสีสันที่ช่วยสร้างอารมณ์ด้านบวกให้กับคุณได้ จนทำให้รู้สึกอยากเดินเข้ามาทำงานในทุกๆ เช้า หากมีงานศิลปะ ก็จะต้องมีการออกแบบแสงสว่างเพื่อสร้างจุดโฟกัสให้ชิ้นงานเหล่านี้ดูโดดเด่น ส่องเน้นไปที่วัตถุจากด้านบนหรือด้านล่างก็ได้ตามต้องการ โดยแสงสว่างเหล่านี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทำงานของคุณ ขอบเขตของแสงจะอยู่แค่ในกรอบของงานศิลปะที่ต้องการเพิ่มแสงสว่างเท่านั้น

แสงสว่างภายในห้องทำงานประจำบ้านอย่างโฮมออฟฟิศแบบนี้ จะมีการจัดแสงที่แตกต่างออกไปจากห้องอื่นๆ พอสมควร ดังนั้นควรใส่ใจกับการวางแผนติดตั้งโคมไฟให้เหมาะสมกับลักษณะงานของคุณ ใช้แสงหลัก แสงเฉพาะจุด และแสงสว่างเพื่อความสวยงามให้สมดุลเข้ากันอย่างลงตัว เพียงเท่านี้คุณก็จะมีห้องทำงานส่วนตัวที่สมบูรณ์แบบ พร้อมสำหรับการทำงานทีมีประสิทธิภาพได้แล้ว