โต๊ะกลางรับแขก ถือเป็นเฟอร์นิเจอร์สามัญประจำห้องนั่งเล่นและห้องรับแขกของแทบทุกบ้าน เพราะนอกจากประโยชน์ในการใช้วางของ วางแก้วน้ำหรือแก้วกาแฟแล้ว โต๊ะกลางยังช่วยเติมเต็มมุมพักผ่อนของเราให้ดูสวยครบถ้วนสมบูรณ์ด้วย แต่โต๊ะกลางก็มีด้วยกันหลากหลายขนาด รูปทรง และดีไซน์ ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะกลางขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ โต๊ะกลางวงกลม สี่เหลี่ยม โต๊ะกลางไม้แบบโมเดิร์น หรือโต๊ะกลางกระจกแบบร่วมสมัย ทำให้การเลือกเฟอร์นิเจอร์ประเภทนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด วันนี้เราเลยจะมาแชร์คำถาม 7 ข้อ ที่เราควรตอบให้ได้ก่อนเลือกซื้อ โต๊ะกลางรับแขก ซึ่งรับรองว่าจะช่วยให้การตัดสินใจเลือกโต๊ะกลางของเราง่ายขึ้นอย่างแน่นอน
7 คำถามที่ต้องตอบก่อนเลือกโต๊ะกลางรับแขก
1.เราใช้งานโต๊ะกลางทำอะไรบ้าง?
คำถามข้อแรกที่ต้องพิจารณา ก็คือเราใช้โต๊ะกลางสำหรับทำอะไรบ้าง เพราะฟังก์ชันที่เราต้องการจะเป็นตัวกำหนดรูปแบบของโต๊ะกลาง ยกตัวอย่างเช่น หากเราใช้โต๊ะกลางเพื่อวางแก้วน้ำ แก้วกาแฟ และใช้เป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งห้องทั่วไป ก็ควรเลือกโต๊ะกลางที่มีความสูงใกล้เคียงกับเบาะที่นั่งของโซฟา ในดีไซน์แบบไหนก็ได้ตามที่เราต้องการ หากเราจะใช้โต๊ะกลางเป็นโต๊ะสารพัดประโยชน์ สำหรับทานอาหารด้วย หรือนั่งทำงานด้วย ก็อาจเลือกให้โต๊ะมีความสูงเพิ่มขึ้นสักเล็กน้อย เพื่อให้เหมาะกับสรีระขณะใช้งาน หรือเลือกโต๊ะที่สามารถปรับระดับเพื่อเปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานได้ แต่หากเราต้องการเพิ่มพื้นที่เก็บของที่มีอยู่มหาศาลในห้อง ก็อาจมองหาโต๊ะกลางที่มีชั้นหรือลิ้นชักเก็บของในตัว เป็นต้น
2. เรามีพื้นที่ในการจัดวางมากแค่ไหน?
พื้นที่ภายในห้องจะเป็นตัวกำหนดขนาดและรูปทรงของโต๊ะกลางที่เหมาะสม โดยหากพื้นที่ของเราค่อนข้างจำกัด ก็ควรเลือกโต๊ะกลางขนาดเล็ก หรือเลือกเป็นโต๊ะกลางรูปวงรีหรือโต๊ะกลางแบบซ้อน (nesting table) ซึ่งจะกินเนื้อที่ในการจัดวางน้อยกว่าโต๊ะกลางรูปทรงสี่เหลี่ยมหรือวงกลม แถมยังทำให้การสัญจรภายในห้องสะดวกกว่ากันด้วย
นอกจากนี้ ขนาดและความยาวของโซฟาก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่เราต้องพิจารณา โดย โต๊ะกลางรับแขก ควรมีความยาวอยู่ที่ประมาณ ⅔ ของความยาวโซฟา จึงจะถือว่าเป็นขนาดที่เหมาะแก่การใช้งาน ในขณะเดียวกันก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการลุก-นั่ง หรือเดินรอบโซฟา ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อโต๊ะกลางจึงควรวัดทั้งพื้นที่ห้องและความกว้าง-ยาวของโซฟาไปล่วงหน้าก่อนด้วย
3. สไตล์การตกแต่งบ้านของเราเป็นแบบไหน?
อีกหนึ่งข้อสำคัญมากในการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์สักชิ้น ก็คือเฟอร์นิเจอร์ที่เราเลือกจะต้องมีดีไซน์ที่กลมกลืนและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสไตล์การตกแต่งบ้าน ยกตัวอย่างเช่น หากเรามีบ้านสไตล์โมเดิร์น ก็ควรเลือกโต๊ะกลางที่มีดีไซน์ค่อนข้างเรียบง่ายและมินิมอล มีเส้นสายที่ดูคลีนสบายตา และเน้นเรื่องประโยชน์การใช้สอย หากบ้านของเรามีการตกแต่งสไตล์วินเทจ ก็อาจเลือกดีไซน์ของโต๊ะกลางที่ดูเก่าแก่ หรือมีรายละเอียดที่ดูวิจิตรงดงามสลักเสลา แต่หากเป็นบ้านไร่สไตล์รัสติก ก็อาจเลือกโต๊ะกลางไม้สีเข้มที่ดูมีความดิบ ความหยาบนิดๆ ตามสไตล์งานคราฟ เพื่อให้ดูไปด้วยกันได้กับธีมการตกแต่งบ้านโดยรวมนั่นเอง
4. เรามีเวลาดูแลรักษาโต๊ะกลางมากแค่ไหน?
ความยาก-ง่ายในการดูแลรักษาและทำความสะอาด เป็นอีกเรื่องที่เราต้องคำนึงถึงก่อนเลือกซื้อโต๊ะกลางรับแขก ทั้งนี้ก็เพื่อให้เฟอร์นิเจอร์ที่เราลงทุนซื้อมาคงความสวยใหม่เอี่ยม และสามารถใช้งานได้อย่างยาวนานและคุ้มค่า โดยหากเราเป็นคนมีเวลาน้อย ไม่ค่อยมีโอกาสทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์มากเท่าไหร่ หรือสามารถทำความสะอาดโต๊ะกลางได้แค่สัปดาห์ละครั้ง ก็ควรเลือกโต๊ะที่ทำจากวัสดุที่ดูแลรักษาค่อนข้างง่าย อย่างไม้อัดยาง ไม้เนื้อแข็งเคลือบกันน้ำ พาร์ทิเคิลบอร์ด หรือกระจกที่ค่อนข้างหนา ซึ่งสามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ไม่ต้องคอยกังวลเรื่องความชื้นและการเกิดคราบฝังแน่นมากเท่ากับโต๊ะที่ทำจากหินอ่อนหรือโต๊ะไม้แท้ที่ไม่ผ่านการเคลือบผิว อย่างไรก็ตาม แม้โต๊ะกลางของเราจะทำมาจากวัสดุที่ทนทานและดูแลง่ายแค่ไหน เราก็ยังจำเป็นต้องใส่ใจและทำความสะอาดเป็นประจำ เพื่อไม่ให้มีฝุ่นละอองหรือคราบสกปรกสะสม และควรรีบเช็ดทันทีที่เกิดคราบเปื้อนด้วย
5. ที่บ้านมีเด็กและ/หรือสัตว์เลี้ยงหรือไม่?
บ้านไหนที่มีเด็กเล็กและสัตว์เลี้ยงคงทราบดีอยู่แล้วว่าการเลือกเฟอร์นิเจอร์ใดๆ ยิ่งต้องใส่ใจและระมัดระวังเป็นพิเศษ ทั้งในเรื่องความปลอดภัยและการดูแลรักษา โดยเราอาจต้องหลีกเลี่ยงโต๊ะกลางที่ทำจากกระจก ซึ่งอาจแตกร้าวเสียหายได้เมื่อถูกกระแทกเฉี่ยวชน รวมถึงควรเลี่ยงโต๊ะกลางที่มีขอบมุมแหลมคม อย่างโต๊ะรูปทรงสี่เหลี่ยมและสี่เหลี่ยมผืนผ้า ซึ่งอาจทำให้เด็กๆ และสัตว์เลี้ยงบาดเจ็บ แล้วแทนที่ด้วย โต๊ะกลางวงกลม หรือวงรีที่มีโอกาสเกิดอันตรายได้น้อยกว่า นอกจากนี้ อีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีก็คือโต๊ะกลางแบบ upholstery หรือโต๊ะที่บุด้วยเบาะผ้านุ่มนิ่ม แต่ก็อาจมีข้อจำกัดในเรื่องการดูแลทำความสะอาด ทางที่ดีจึงควรเลือกเบาะผ้าแบบกันน้ำ กันฝุ่น หรือแบบที่ถอดซักได้ ซึ่งจะช่วยลดภาระของเราไปได้มากโข
6. เราตั้งงบประมาณไว้เท่าไหร่?
เพราะเรื่องเงินคือเรื่องใหญ่ คำถามข้อรองสุดท้ายที่เราต้องตอบให้ได้ก็คืองบประมาณที่เราตั้งไว้สำหรับเฟอร์นิเจอร์หนึ่งชิ้นนั้นมากน้อยแค่ไหน เนื่องจากโต๊ะกลางรับแขกนั้นมาในหลากหลายราคา ตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลายหมื่นบาท ขึ้นอยู่กับวัสดุ ดีไซน์ คุณภาพ ความทนทาน แบรนด์ ไปจนถึงคุณสมบัติพิเศษอื่นๆ ยกตัวอย่างเช่น โต๊ะหินอ่อนแท้ย่อมมีราคาสูงกว่าหินอ่อนเทียม และโต๊ะไม้จริงก็ย่อมมีมูลค่าสูงกว่าไม้อัด อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้เรามีตัวเลือกที่หลากหลายกว่าเดิม เราจึงสามารถหาโต๊ะกลางรับแขก ดีไซน์สวยตรงใจ คุณภาพดี ในราคาที่สมเหตุผลได้ไม่ยากนัก
7. เรามีความต้องการพิเศษเพิ่มเติมหรือไม่
มาถึงคำถามข้อสุดท้ายที่เราต้องพิจารณา นั่นก็คือนอกเหนือปัจจัยต่างๆ ที่ว่ามาแล้ว เรามีความต้องการพิเศษอื่นๆ เพิ่มเติมอีกหรือไม่ ตัวอย่างเช่น คนที่อาศัยอยู่ในหอพักหรือบ้านเช่า หรือจำเป็นต้องย้ายที่อยู่บ่อยๆ อาจต้องการโต๊ะกลางที่มีน้ำหนักเบา กะทัดรัด เคลื่อนย้ายสะดวก หรือสามารถพับได้ มากกว่าโต๊ะที่ทำจากกระจกหรือหินอ่อนที่มีน้ำหนักมาก และอาจแตกหักเสียหายเมื่อต้องขนย้าย ในขณะที่บางคนก็อาจให้ความสำคัญกับการลดภาวะโลกร้อนและเรื่องความยั่งยืนเป็นพิเศษ จึงอาจมองหาโต๊ะกลางที่มีความแข็งแรงทนทาน หรือทำจากวัสดุรีไซเคิล เช่น พลาสติกรีไซเคิล วัสดุแปรรูปจากพืช ไม้เก่า หรือกระดาษอัด ซึ่งค่อนข้างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
แม้ โต๊ะกลางรับแขก จะมีตัวเลือกมากมายให้เราเลือกสรรค์ ไม่ว่าจะเป็น โต๊ะกลางวงกลม โต๊ะกลางสี่เหลี่ยม โต๊ะกลางขนาดเล็ก และโต๊ะกลางขนาดใหญ่ ในดีไซน์ที่ต่างๆ กันไป แต่หากเราสามารถตอบคำถามทั้ง 7 ข้อที่ว่ามานี้ได้ เชื่อเลยว่าการเลือกซื้อโต๊ะกลางสวยๆ สักตัวในบรรดาตัวเลือกมากมายจะกลายเป็นเรื่องง่ายขึ้นอย่างแน่นอน