ตู้เก็บของหน้าบ้าน เป็นตัวช่วยสำคัญในการเก็บข้าวของเครื่องใช้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือช่าง อุปกรณ์ทำสวน อุปกรณ์ทำความสะอาด ไปจนถึงของจุกจิกสารพัดอย่างให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย สามารถหยิบใช้ได้ง่าย ไม่ระเกะระกะรกสายตายามที่ใครมองเข้ามาในบ้าน ซึ่ง ตู้เก็บของหน้าบ้าน ที่ว่านี้มีอยู่ด้วยกันหลายประเภท ทั้งตู้เก็บของไม้ ตู้เก็บของสแตนเลส ตู้เก็บของแบบเปิดโล่ง แบบมีบานเลื่อน/บานพับ และ ตู้เก็บของล็อคได้ มาดูกันว่าเราจะเลือกซื้อตู้เก็บของนอกตัวบ้านยังไงให้ถูกใจ และคงทนเหมาะกับการใช้งานแบบ outdoor
Tips เลือกซื้อตู้เก็บของหน้าบ้าน
- ตู้เก็บของควรกันน้ำ และต้องทานทนต่อสภาพอากาศ
- ตู้ควรปิดได้สนิทแน่นหนา
- มีความปลอดภัยเพียงพอ
- มีขนาดและรูปแบบเหมาะสมกับพื้นที่
คุณสมบัติสำคัญของเฟอร์นิเจอร์สำหรับใช้นอกบ้าน คือความทนทานต่อสภาพอากาศ สามารถทนแดด ทนลม ทนฝน และกันน้ำได้ เพราะเราคงไม่อยากให้ข้าวของภายในเสียหายในหน้าฝน หรือตู้เก็บของผุกร่อนเสื่อมสภาพทั้งที่เพิ่งใช้ได้ไม่นาน ดังนั้น ในกรณีวางไว้กลางแจ้ง ตู้เก็บของสแตนเลส หรือตู้โลหะชุบกันสนิมจึงน่าจะตอบโจทย์มากกว่าตู้เก็บของไม้ เนื่องจากไม่ต้องกลัวว่าตัวตู้จะเปียกชื้น ขึ้นรา โดนปลวกกิน ผุพัง หรือขึ้นสนิม แต่หากเป็น ตู้เก็บของหน้าบ้าน ที่วางไว้ในที่ร่ม มีหลังคาคลุม ก็สามารถเลือกวัสดุเป็นไม้ได้
ตู้เก็บของควรเป็นแบบมีประตูปิดมากกว่าแบบเปิดโล่ง เพื่อป้องกันไม่ให้ข้าวของตกหรือล้มลงมาเสียหาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อคนในบ้านได้ด้วย นอกจากนี้ บานประตูของตู้ยังควรปิดได้สนิท แน่นหนา ฝาตู้ไม่มีช่องหรือรูขนาดใหญ่ เพื่อปกป้องสิ่งของข้างในจากฝุ่นละออง เศษดิน เศษหิน และสิ่งสกปรก รวมถึงป้องกันไม่ให้สัตว์มีพิษอย่างงู หรือตะขาบ เข้าไปอาศัยอยู่ในตู้ด้วย
ด้วยความที่เป็น ตู้เก็บของหน้าบ้าน สิ่งหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญก็คือเรื่องความปลอดภัย เพราะมีโอกาสที่สิ่งของภายในจะสูญหายจากการถูกขโมย หรือเด็กๆ ในบ้านอาจหยิบฉวยอุปกรณ์มาเล่นจนเกิดอันตรายได้ ในจุดนี้ ตู้เก็บของล็อคได้ ทั้งแบบที่มีกลอนในตัวและแบบที่สามารถคล้องแม่กุญแจได้ก็จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ทำให้เราไม่ต้องกังวลว่าของต่างๆ จะถูกขโมยหรือถูกหยิบออกไปโดยพลการ
ตู้เก็บของภายนอกนั้นมีให้เลือกหลายขนาดและรูปแบบ ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่เราจะใช้วาง เช่น พื้นที่ค่อนข้างแคบ อาจเหมาะกับตู้เก็บของทรงสูงและแคบ มากกว่าตู้ทรงเตี้ยและกว้าง หากมีพื้นที่ผนังโล่งๆ ก็อาจเลือกใช้ตู้เก็บของน้ำหนักเบาแบบแขวนหรือติดผนัง หรือหากเป็นพื้นที่ตรงทางเดินแคบๆ ก็ควรเลือกตู้แบบบานเลื่อนมากกว่าแบบบานพับ เพื่อให้เปิดตู้เอาของเข้าและออกได้ง่าย และไม่กีดขวางทางเดินในขณะเปิดด้วย
ตู้เก็บของหน้าบ้านแต่ละแบบมีข้อดี-ข้อเสีย อย่างไรบ้าง
ตู้เก็บของโลหะ
ข้อดีของตู้โลหะ อย่างเช่นตู้เหล็ก หรืออะลูมิเนียม คือมีความทนทานสูง ทนต่อแดดและฝนได้ดี ไม่เน่าเปื่อยผุพัง ไม่ต้องกลัวสัตว์กัดแทะ อีกทั้งมีราคาค่อนข้างถูก แต่อาจมีข้อเสียคือตู้โลหะมักไม่สามารถดัดแปลงหรือต่อเติมได้มากนัก รวมถึงยังมีโอกาสเกิดสนิมได้เมื่อเวลาผ่านไป ใครที่สนใจตู้โลหะ จึงควรเลือกเป็น ตู้เก็บของสแตนเลส ซึ่งจะมีราคาสูงกว่าโลหะทั่วไปเล็กน้อย แต่มีความคงทนมากกว่า ไม่ต้องคอยกำจัดสนิมหรือทาสีทับทุกๆ 2-3 ปี จึงประหยัดค่าบำรุงรักษาไปในตัวด้วย
ตู้เก็บของไม้
ตู้เก็บของหน้าบ้าน ที่ทำจากไม้ มีข้อดีคือความแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักได้ดี มีดีไซน์สวยงามสบายตา แถมยังสามารถปรับแต่งต่อเติมเพื่อให้มีฟังก์ชันตรงกับการใช้งานได้มากขึ้น อย่างเช่นการเพิ่มชั้นวางภายในตู้ อย่างไรก็ตาม ตู้เก็บของไม้ก็มีข้อเสียคืออาจผุพัง เปื่อยยุ่ย ลอก หรือเปลี่ยนรูปได้ โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญกับความชื้นเป็นเวลานาน รวมถึงยังเสี่ยงต่อการถูกปลวกกัดแทะด้วย ทำให้ดูแลรักษาค่อนข้างยาก หากต้องการตู้เก็บของไม้สำหรับใช้งานนอกบ้าน จึงควรเลือกไม้ที่มีความคงทน เช่น ไม้สัก ไม้มะค่า ซึ่งก็มักมีราคาสูงกว่าตู้ที่ทำจากไม้อัดมาก รวมถึงมีน้ำหนักมากทำให้เคลื่อนย้ายได้ยากด้วย
ตู้เก็บของพลาสติก หรือเรซิน
ตู้เก็บของพลาสติก หรือเรซิน เป็นตัวเลือกที่ราคาย่อมเยา น้ำหนักเบา ไม่ผุพังเปื่อยยุ่ย รวมถึงไม่ต้องการการดูแลรักษามากนัก นอกจากนี้ ตู้พลาสติกยังมีสีสันและดีไซน์ให้เลือกหลากหลาย แต่ข้อเสียคือตู้พลาสติกส่วนใหญ่มักค่อนข้างเปราะบาง รับน้ำหนักได้ไม่มาก จึงไม่เหมาะจะใส่ของจำนวนมาก หากต้องการตัวเลือกที่ทนทานขึ้น อาจเลือกตู้เก็บของที่ใช้วัสดุเรซิน หรือ Polyethylene ความหนาแน่นสูง ซึ่งมีความแข็งแรงและคงทนต่อสภาพอากาศมากกว่า
ตู้เก็บของกัลวาไนซ์
กัลวาไนซ์คือเหล็กที่นำไปชุบสังกะสีที่ความร้อนสูง ทำให้ได้วัสดุที่มีความแข็งแรงสูงมาก สามารถทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดีโดยไม่ผุกร่อนหรือขึ้นสนิม จึงเหมาะมากกับการใช้งานภายนอก ซึ่งจุดเด่นของตู้เก็บของกัลวาไนซ์คือมีความแข็งแรงทนทานมากที่สุดเมื่อเทียบกับวัสดุอื่นที่กล่าวมา แต่ข้อเสียคือมีราคาค่อนข้างสูง รวมถึงไม่นิยมนำมาทำเฟอร์นิเจอร์ในครัวเรือน ตู้เก็บของหน้าบ้าน ที่ทำจากกัลวาไนซ์จึงมีดีไซน์ให้เลือกค่อนข้างน้อย
ตู้เก็บของแบบบานพับ
ตู้เก็บของแบบบานพับซึ่งมีทั้งแบบประตูเดียว 2 ประตู หรือ 3 ประตู ขึ้นอยู่กับขนาดความกว้างของตู้ มีข้อดีคือสามารถเปิดตู้ออกได้กว้างจนสุด จึงสะดวกต่อการหยิบสิ่งของเข้าออก โดยเฉพาะของชิ้นใหญ่ๆ ซึ่งตู้แบบนี้เหมาะกับการวางในบริเวณที่กว้างพอสมควร ส่วนข้อเสียคืออาจไม่เหมาะจะวางในพื้นที่คับแคบ เช่น ริมทางเดินแคบๆ เพราะจะไม่สามารถเปิดประตูตู้ได้เต็มที่ หรือบานพับอาจกีดขวางทางเดินจนหยิบสิ่งของเข้าออกได้ลำบาก
ตู้เก็บของแบบบานเลื่อน
ตู้เก็บของแบบบานเลื่อน แบบที่มี 2 บาน และ 3 บาน มักสามารถเลื่อนเปิดได้จากทั้งสองฝั่ง ซึ่งตู้แบบนี้มีข้อดีคือสามารถวางไว้ในทางเดินแคบๆ ได้ โดยไม่ต้องเผื่อพื้นที่หน้าตู้ไว้สำหรับเปิดประตูมากนัก แต่ก็มีข้อเสียคือจะไม่สามารถเปิดตู้ได้กว้างจนสุดแบบตู้บานพับ จึงทำให้หยิบของเข้าออกได้ยาก และอาจไม่เหมาะกับการใช้เก็บของชิ้นใหญ่ๆ รวมถึงตัวบานเลื่อนอาจมีอาการฝืดหรือติดได้เมื่อเวลาผ่านไป จึงต้องคอยบำรุงรักษาโดยการหยอดน้ำมันหล่อลื่นและระวังไม่ให้ขึ้นสนิม
ตู้เก็บของหน้าบ้าน เป็นอีกหนึ่งเฟอร์นิเจอร์จำเป็นสำหรับบ้านที่มีของเยอะ แล้วต้องการจัดระเบียบไม่ให้ข้าวของนอกบ้านดูรกเกะกะ ซึ่งตู้เก็บของแต่ละแบบ อย่าง ตู้เก็บของสแตนเลส ตู้เก็บของไม้ ตู้เก็บของแบบบานเลื่อน ตู้เก็บของล็อคได้ ก็ล้วนมีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป ใครที่สนใจก็สามารถใช้บทความนี้เป็นแนวทางในการเลือกซื้อตู้เก็บของที่เหมาะกับบ้านสักตัวได้เลย