สำหรับหลายๆ บ้านแล้ว ตู้เก็บของโรงจอดรถ อาจเป็นอีกหนึ่งเฟอร์นิเจอร์สำคัญที่ช่วยในการจัดเก็บสิ่งของในโรงรถให้เป็นระเบียบ ไม่ว่าจะเป็นบรรดาเครื่องมือช่าง อุปกรณ์เกี่ยวกับรถ อุปกรณ์สำหรับทำสวน ไปจนถึงของใช้นอกบ้านอีกมากมายหลายประเภท ซึ่งตู้เก็บของจะช่วยลดความยุ่งเหยิงวุ่นวาย ทำให้เราหยิบหาสิ่งของได้ง่าย และช่วยป้องกันอันตรายจากพวกของมีคมต่างๆ ได้ด้วย โดยตู้เก็บของในโรงรถก็มีให้เลือกหลายรูปแบบ เช่น ตู้เก็บของสแตนเลส ตู้อะลูมิเนียม ตู้ไม้ ตู้เก็บของแบบเปิดโล่ง และ ตู้เก็บของล็อคได้ แต่บางครั้งการเลือกที่ผิดพลาดหรือไม่เหมาะกับการใช้งานก็อาจทำให้ชีวิตของคุณยากขึ้นได้เช่นกัน ในวันนี้เราเลยจะมาพูดถึง 7 ข้อผิดพลาดในการเลือกซื้อ ตู้เก็บของโรงจอดรถ ที่อาจไปเพิ่มภาระมากกว่าความสะดวกสบาย ใครที่ไม่อยากเลือกผิดจนชีวิตลำบาก ควรอ่าน
7 ข้อผิดพลาดควรเลี่ยง ในการเลือก ตู้เก็บของโรงจอดรถ
- ไม่ได้คำนึงถึงสภาพแวดล้อมภายในโรงจอดรถ
สภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมในบริเวณโรงจอดรถเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องพิจารณาในการเลือกซื้อตู้เก็บของ เพราะคงไม่ดีแน่ๆ หากบ้านของเรามีโรงจอดรถกลางแจ้งและเปิดโล่งทุกทิศทาง แต่กลับเลือกใช้ตู้เก็บของไม้อัดที่ไม่มีการเคลือบกันน้ำ เพราะในสภาพอากาศที่ร้อนชื้นตลอดทั้งปี แถมมีฝนตกบ่อย อาจเป็นสาเหตุให้ตู้ไม้ของเราเปื่อยผุพัง ขึ้นรา โดนแมลงกัดแทะ และเสียหายเร็วกว่าที่ควร ทั้งยังอาจกลายเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิดอีกด้วย ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเลือกวัสดุและรูปแบบของตู้เก็บของ ต้องอย่าลืมตรวจเช็คสภาพแวดล้อมบริเวณโรงจอดรถให้ดีก่อน ว่าโรงจอดรถของเรามีหลังคาปกคลุมหรือไม่ มีโอกาสที่เฟอร์นิเจอร์จะได้รับผลกระทบจากลม ฝน และแสงแดดมากแค่ไหน ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ตู้และสิ่งของภายในเกิดความเสียหายจากลมฟ้าอากาศนั่นเอง
- ไม่ได้วัดขนาดพื้นที่ให้ดีก่อนเลือกซื้อ
เราคงรู้กันดีว่าที่สุดของความผิดพลาดคือการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ที่มีขนาดไม่พอดีกับพื้นที่ที่เรามีอยู่ โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์อย่าง ตู้เก็บของโรงจอดรถ เพราะเราไม่เพียงวัดขนาดตู้โดยดูจากพื้นที่ว่างเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงพื้นที่ในการถอยรถเข้า-ออก การเปิดประตูขึ้น-ลงจากรถ หรือการเปิดท้ายรถเพื่อเอาของเข้าออกด้วย ดังนั้น ตู้ที่มีขนาดเข้ากับพื้นที่พอดีจึงอาจทำให้การเคลื่อนไหวของทั้งรถและคนเป็นไปอย่างยากลำบาก และอาจเกิดเหตุการที่รถเฉี่ยวชนตู้จนทรัพย์สินข้างในเสียหายได้ ทางที่ดีจึงควรคำนวณการจัดวางตู้โดยเผื่อพื้นที่ว่างไว้เยอะหน่อย รวมถึงเลือกตู้เก็บของที่มีดีไซน์ค่อนข้างเพรียวบางกะทัดรัด และหากเป็นไปได้ก็ควรเลือกตู้ที่มีขนาดเล็กที่สุดที่สามารถเก็บของที่เราต้องการได้พอดี เพื่อสงวนเนื้อที่ไว้ใช้สอยในด้านอื่นๆ นั่นเอง
- รูปแบบของตู้ไม่เหมาะกับการใช้งานจริง
หลายคนอาจนึกภาพไม่ออกว่ารูปแบบตู้ที่ไม่เหมาะกับการใช้งานจริงเป็นอย่างไร ถ้าให้ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็อย่างเช่น สมมุติว่าเรามีพื้นที่ในโรงจอดรถค่อนข้างคับแคบ แต่กลับเลือกตู้เก็บของแบบบานพับ หรือแบบที่มีลิ้นชักเลื่อนเข้าออก ซึ่งทำให้เราไม่สามารถเปิดบานตู้หรือเลื่อนลิ้นชักตู้ออกจนสุดได้ในเนื้อที่อันจำกัด หรือสมมุติว่าเราอยากได้ตู้มาใช้เก็บอุปกรณ์ที่มีขนาดใหญ่ แต่ดันเลือกซื้อตู้แบบล็อกเกอร์ที่แบ่งเป็นช่องเล็กๆ ซึ่งไม่สามารถยัดอุปกรณ์ของเราเข้าไปได้ ดังนั้น ในการเลือก ตู้เก็บของโรงจอดรถ นอกจากจะคำนึงถึงขนาดตู้กับพื้นที่ในการจัดวางแล้ว ยังต้องคำนวณดูด้วยว่าเมื่อนำตู้มาวางแล้วจะสามารถใช้งานได้จริงอย่างราบรื่นหรือไม่
- ไม่ได้พิจารณาดีไซน์โดยรวมของบ้าน
หลายครั้งเราอาจไม่ได้ใส่ใจกับดีไซน์ของเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ในโรงจอดรถมากนัก เพราะมองว่าเป็นของที่ใช้ภายนอกบ้าน จึงไม่ต้องพิถีพิถันในการเลือกมากเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ลักษณะของโรงจอดรถในบ้านส่วนใหญ่ในประเทศไทยมักเป็นแบบเปิดโล่ง ไม่ได้เป็นห้องปิดมิดชิดเหมือนในต่างประเทศ ทำให้คนอื่นสามารถมองจากภายนอกเข้ามาเห็นในบริเวณโรงจอดรถได้ การเลือกตู้เก็บของที่ดูผิดที่ผิดทาง หรือมีดีไซน์ไม่กลมกลืนไปกับภาพรวมของบ้าน จึงเป็นข้อผิดพลาดที่อาจทำให้บ้านของเราดูหมดสวยไปในพริบตา ดังนั้น ก่อนเลือกซื้อตู้เก็บของในโรงรถสักหลังจึงต้องคำนึงถึงสไตล์การตกแต่งบ้านของเราก่อนด้วยเสมอ
- เน้นดีไซน์ แต่ไม่สนใจฟังก์ชัน
อีกหนึ่งความผิดพลาดที่ตรงกันข้ามกับข้อข้างบน ก็คือการคำนึงถึงแต่ดีไซน์มากเกินไป จนลืมคิดถึงเรื่องฟังก์ชันการใช้งาน ยกตัวอย่างเช่น เราต้องการตู้มาใช้เก็บของชิ้นใหญ่ที่มีน้ำหนักมาก แต่กลับเลือกซื้อตู้ที่มีดีไซน์โฉบเฉี่ยวเพรียวบาง ซึ่งไม่สามารถรับน้ำหนักมากๆ ได้ หรือเลือกซื้อตู้เก็บของแบบบานกระจกใสที่สวยหรูดูแพง มาวางไว้ในโรงจอดรถนอกบ้านแบบเปิดโล่ง ซึ่งมีโอกาสสูงทีเดียวที่บานกระจกจะถูกกระแทกเฉี่ยวชนจนแตกเสียหาย เพราะฉะนั้น การเลือกตู้เก็บของสำหรับพื้นที่โรงจอดรถ จึงต้องชั่งน้ำหนักให้ดีระหว่างดีไซน์ที่ถูกใจ กับฟังก์ชันการใช้งานที่ใช่สำหรับโจทย์ของเรา
- เลือกตู้เก็บของแบบเปิดโล่งทั้งหมด
ตู้เก็บของหรือชั้นวางของแบบเปิดโล่งทั้งหมด อาจเป็นตัวช่วยอำนวยความสะดวกในการเลือกหาและหยิบใช้สิ่งของต่างๆ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจเป็นตัวเลือกที่ไม่เหมาะกับการใช้งานในพื้นที่ outdoor อย่างโรงจอดรถสักเท่าไหร่ เนื่องจากตู้แบบเปิดโล่งจะไม่สามารถปกป้องข้าวของของเราจากฝุ่นละออง แสงแดด ความชื้น หรือสัตว์ต่างๆ ได้ นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงที่เด็กๆ และสัตว์เลี้ยงของเราอาจได้รับอันตรายจากอุปกรณ์ของมีคม รวมถึงสารเคมีต่างๆ ที่ไม่ถูกเก็บไว้อย่างมิดชิดด้วย จึงแนะนำว่าเราควรเลือกตู้ที่มีบานประตูปิดมิดชิด หรือตู้แบบกึ่งเปิดกึ่งปิดซึ่งเราสามารถแยกเก็บของบางอย่างเอาไว้ได้ หรือบางบ้านอาจเลือกเป็น ตู้เก็บของล็อคได้ ซึ่งช่วยเก็บของอันตรายให้ห่างไกลมือเด็กๆ และยังป้องกันข้าวของเสียหายจากการถูกโจรกรรมได้ด้วย
- เลือกวัสดุผิด ชีวิตเปลี่ยน
ความผิดพลาดข้อสุดท้ายที่เราจะพูดถึง ซึ่งเป็นข้อที่สำคัญมาก ก็คือการเลือกตู้เก็บของที่ทำจากวัสดุที่ไม่เหมาะสมกับการใช้งาน อย่างที่เรารู้ว่าประเภทของวัสดุที่ใช้ทำตู้นั้นมีอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นไม้ โลหะ หรือพลาสติก ซึ่งในแต่ละประเภทก็มีชนิดที่แยกย่อยลงไปอีก เช่น ตู้ไม้เนื้อแข็ง ตู้ไม้สังเคราะห์ และตู้ไม้อัด เป็นต้น ทำให้การเลือกวัสดุที่เหมาะสมอาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก โดยความผิดพลาดที่เราพบบ่อยๆ ก็ได้แก่ การเลือกวัสดุที่รับน้ำหนักได้ไม่ดีมาใช้วางสิ่งของที่มีน้ำหนักมากเกินไป และการเลือกวัสดุที่ไม่ทนต่อสภาพแวดล้อมมาใช้งานในโรงจอดรถกลางแจ้ง ดังนั้น คำแนะนำของเราสำหรับใครที่กำลังมองหา ตู้เก็บของโรงจอดรถ ที่รับน้ำหนักได้ดี และค่อนข้างทนต่อลมฟ้าอากาศ ตัวเลือกที่ดีที่สุดนั้นได้แก่ ตู้เก็บของสแตนเลส ซึ่งนอกจากจะมีความแข็งแรงทนทานแล้ว ยังมีน้ำหนักเบา และไม่ต้องกังวลเรื่องการเกิดสนิมด้วย หรือหากต้องการวัสดุที่ราคาย่อมเยาลงมาหน่อย ตู้อะลูมิเนียมก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีเช่นเดียวกัน
และนี่ก็คือ 7 ข้อผิดพลาดในการเลือก ตู้เก็บของโรงจอดรถ ที่เราควรหลีกเลี่ยง ในทางกลับกัน การเลือกรูปแบบและวัสดุของตู้ที่ถูกต้องกับการใช้งานและปัจจัยแวดล้อมนั้นจะช่วยให้ชีวิตของเราสะดวกสบายขึ้นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตู้เก็บของสแตนเลส สำหรับโรงจอดรถกลางแจ้งแบบเปิดโล่ง หรือการเลือก ตู้เก็บของล็อคได้ สำหรับเก็บสิ่งของมีค่าหรือของที่อาจเป็นอันตราย เป็นต้น