Skip to content

Welcome to Lounge Lovers Store

Lounge Lovers
Previous article
Now Reading:
ถอดรหัสของแต่งบ้านมือสอง: วิธีเลือกของวินเทจให้ดูดีมีราคาในงาน Home Styling
Next article

ถอดรหัสของแต่งบ้านมือสอง: วิธีเลือกของวินเทจให้ดูดีมีราคาในงาน Home Styling

การตกแต่งบ้านในปัจจุบันไม่ได้จำกัดอยู่แค่การซื้อของใหม่จากห้างสรรพสินค้าหรือร้านเฟอร์นิเจอร์ชื่อดังเท่านั้น แต่ยังมีเสน่ห์พิเศษจากการนำของแต่งบ้านมือสองหรือไอเทมวินเทจมาผสมผสานเพื่อสร้างบรรยากาศที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การทำ Home Styling ด้วยของเก่าไม่เพียงช่วยประหยัดงบประมาณ แต่ยังเป็นการสร้างสรรค์พื้นที่ที่มีเรื่องราวและจิตวิญญาณ ซึ่งหาไม่ได้จากเฟอร์นิเจอร์สมัยใหม่ที่ผลิตในโรงงาน

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจโลกของการตกแต่งบ้านด้วยของมือสองและวินเทจ พร้อมเคล็ดลับในการเลือกไอเทมที่มีคุณค่าและวิธีการนำมาใช้ในงาน Home Styling อย่างมีศิลปะ

ทำความเข้าใจคุณค่าของของแต่งบ้านมือสอง

การตกแต่งบ้านด้วยของมือสองไม่ใช่เพียงแค่การประหยัดเงิน แต่ยังเป็นการสร้างสรรค์พื้นที่ที่มีความหมายและเรื่องราว ของแต่งบ้านมือสองแต่ละชิ้นมีประวัติศาสตร์และเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งสามารถเพิ่มมิติให้กับการออกแบบตกแต่งภายในของคุณได้อย่างน่าสนใจ

ความแตกต่างระหว่างของมือสองและของวินเทจ

หลายคนอาจสับสนระหว่างของมือสองและของวินเทจ แม้จะมีความคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญ:

  • ของมือสอง คือสิ่งของที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว อาจมีอายุไม่มากนัก แต่ยังอยู่ในสภาพดีและสามารถนำมาใช้งานต่อได้

  • ของวินเทจ มักหมายถึงสิ่งของที่มีอายุมากกว่า 20 ปีขึ้นไป มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และการออกแบบ สะท้อนยุคสมัยหรือสไตล์การออกแบบเฉพาะ


เคล็ดลับการเลือกของแต่งบ้านมือสองที่มีคุณค่า

การเลือกของแต่งบ้านมือสองที่ดีต้องอาศัยทั้งความรู้และสัญชาตญาณ นี่คือเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณเลือกไอเทมที่มีคุณค่าและเหมาะกับบ้านของคุณ:

1. พิจารณาคุณภาพและวัสดุ

ของมือสองที่มีคุณภาพดีมักผลิตจากวัสดุชั้นดี เช่น ไม้แท้ โลหะคุณภาพสูง หรือเซรามิกที่ทำด้วยมือ ควรตรวจสอบโครงสร้างและรอยต่อต่างๆ ว่าแข็งแรงดีหรือไม่ เฟอร์นิเจอร์ไม้ที่ใช้เทคนิคการเข้าไม้แบบดั้งเดิมมักมีความแข็งแรงและคงทนกว่าชิ้นงานที่ใช้กาวหรือตะปูเป็นหลัก

ตามข้อมูลจากสมาคมนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์ไทย เฟอร์นิเจอร์ไม้สักที่ผลิตในช่วงปี พ.ศ. 2490-2520 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 15% ต่อปีในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากคุณภาพของเนื้อไม้และฝีมือช่างที่หาได้ยากในปัจจุบัน

2. ศึกษาประวัติและยุคสมัย

การรู้ประวัติและยุคสมัยของชิ้นงานจะช่วยให้คุณประเมินคุณค่าและความเหมาะสมในการนำมาใช้ตกแต่งบ้านได้ดียิ่งขึ้น เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งแต่ละยุคมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เช่น:

  • ยุค Art Deco (ทศวรรษ 1920-1930): เน้นรูปทรงเรขาคณิต เส้นตรง และความหรูหรา

  • ยุค Mid-Century Modern (ทศวรรษ 1950-1960): เน้นความเรียบง่าย ฟังก์ชันการใช้งาน และการผสมผสานวัสดุธรรมชาติกับวัสดุสังเคราะห์

  • ยุค Retro (ทศวรรษ 1970): โดดเด่นด้วยสีสันสดใส รูปทรงโค้งมน และลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์

เฟอร์นิเจอร์ไทยในยุค Mid-Century ที่ได้รับอิทธิพลจากสถาปัตยกรรมตะวันตกผสมผสานกับงานฝีมือไทย กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในวงการ Home Styling ทั้งในและต่างประเทศ

3. ตรวจสอบสภาพและความเป็นของแท้

ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรตรวจสอบสภาพของชิ้นงานอย่างละเอียด ดูรอยแตกร้าว ความเสียหาย หรือร่องรอยการซ่อมแซม สำหรับของวินเทจที่มีราคาสูง ควรตรวจสอบความเป็นของแท้ด้วย โดยสังเกตจาก:

  • ลายเซ็นหรือตราประทับของผู้ผลิต

  • เทคนิคการผลิตที่สอดคล้องกับยุคสมัย

  • ร่องรอยการใช้งานที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

แหล่งหาของแต่งบ้านมือสองคุณภาพดีในไทย

การรู้จักแหล่งที่มาของของแต่งบ้านมือสองที่ดีเป็นกุญแจสำคัญในการค้นหาไอเทมที่มีคุณค่า ในประเทศไทยมีแหล่งช้อปปิ้งของมือสองและวินเทจมากมาย ได้แก่:

1. ตลาดนัดและตลาดของเก่า

  • ตลาดนัดจตุจักร: โซน 26 เป็นที่รวมของร้านขายของเก่าและวินเทจมากมาย

  • ตลาดรถไฟรัชดา: แหล่งรวมของเก่าหลากหลายประเภท ตั้งแต่เฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงของตกแต่งขนาดเล็ก

  • ตลาดนกกระจอก: ตลาดของเก่าย่านพระนคร ที่มีของสะสมและของวินเทจหลากหลาย

2. ร้านค้าออนไลน์และโซเชียลมีเดีย

  • เพจ Facebook และ Instagram ที่เฉพาะทางด้านของวินเทจและของสะสม

  • แพลตฟอร์มซื้อขายออนไลน์อย่าง Shopee และ Lazada ที่มีร้านค้าเฉพาะทางด้านของวินเทจ

  • กลุ่มซื้อขายแลกเปลี่ยนของเก่าและวินเทจบน Facebook

3. งานแสดงสินค้าและนิทรรศการ

  • งาน Bangkok Design Week ที่มักมีโซนสำหรับงานออกแบบและของวินเทจ

  • งาน Warehouse 30 Vintage Market ที่จัดขึ้นเป็นประจำ

  • นิทรรศการศิลปะและงานออกแบบที่มีการจำหน่ายของวินเทจควบคู่ไปด้วย

เทคนิคการผสมผสานของเก่ากับของใหม่ในงาน Home Styling

การนำของเก่ามาใช้ในการตกแต่งบ้านให้ดูดีนั้น ไม่ใช่แค่การนำมาวางไว้เฉยๆ แต่ต้องอาศัยศิลปะในการผสมผสานให้เข้ากับองค์ประกอบอื่นๆ ในบ้าน นี่คือเทคนิคที่นัก Home Stylist มืออาชีพใช้:

1. สร้างจุดโฟกัสด้วยชิ้นงานวินเทจ

ใช้เฟอร์นิเจอร์หรือของตกแต่งวินเทจที่โดดเด่นเป็นจุดสนใจของห้อง เช่น โซฟาวินเทจในห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งแบบมินิมอล หรือตู้โชว์เก่าในห้องทานอาหารสมัยใหม่ การสร้างความแตกต่างแบบมีศิลปะจะช่วยให้พื้นที่มีความน่าสนใจมากขึ้น


2. คำนึงถึงสีและวัสดุ

การผสมผสานของเก่ากับของใหม่ให้ลงตัว ควรคำนึงถึงโทนสีและวัสดุที่ใช้ เช่น:

  • จับคู่เฟอร์นิเจอร์ไม้วินเทจกับผนังสีอ่อนเพื่อให้เกิดความตัดกันที่น่าสนใจ

  • ผสมผสานโลหะเก่ากับกระจกหรือวัสดุโปร่งใสเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างความหนักแน่นและความเบา

  • ใช้สิ่งทอและผ้าสมัยใหม่กับเฟอร์นิเจอร์เก่าเพื่อปรับให้ดูร่วมสมัยมากขึ้น


3. เล่นกับสเกลและสัดส่วน

การจัดวางของวินเทจให้ดูดีต้องคำนึงถึงสเกลและสัดส่วนของพื้นที่ด้วย:

  • ในห้องขนาดเล็ก ควรเลือกชิ้นงานวินเทจที่มีขนาดพอเหมาะ ไม่ใหญ่จนเกินไป

  • ในห้องที่มีเพดานสูง อาจใช้ชิ้นงานวินเทจที่มีความสูงเพื่อดึงสายตาขึ้นไป

  • จัดวางของชิ้นเล็กเป็นกลุ่ม (Grouping) เพื่อสร้างผลกระทบทางสายตาที่มากขึ้น

การดูแลรักษาของแต่งบ้านวินเทจให้คงคุณค่า

การลงทุนกับของวินเทจที่มีคุณค่าต้องมาพร้อมกับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง เพื่อให้สิ่งเหล่านี้ยังคงความสวยงามและอาจมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอนาคต:

1. การทำความสะอาดตามประเภทวัสดุ

  • ไม้: ใช้น้ำยาทำความสะอาดไม้ที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงการใช้น้ำมากเกินไป และลงน้ำมันบำรุงไม้เป็นประจำ

  • โลหะ: ใช้น้ำยาทำความสะอาดเฉพาะสำหรับโลหะแต่ละประเภท เช่น ทองเหลือง ทองแดง หรือเหล็ก

  • เซรามิกและแก้ว: ทำความสะอาดด้วยน้ำอุ่นและสบู่อ่อนๆ หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อน

2. การจัดเก็บและการจัดแสดง

  • หลีกเลี่ยงการวางของวินเทจในบริเวณที่มีแสงแดดส่องโดยตรง เพราะอาจทำให้สีซีดจางหรือวัสดุเสื่อมสภาพ

  • ควบคุมความชื้นในบ้านให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อป้องกันปัญหาเชื้อราและการบวมของไม้

  • หมุนเวียนการจัดวางเป็นระยะ เพื่อกระจายการสึกหรอและป้องกันการซีดจางเฉพาะจุด

3. การซ่อมแซมและบูรณะ

เมื่อของวินเทจเกิดความเสียหาย ควรพิจารณาให้ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ซ่อมแซม โดยเฉพาะชิ้นงานที่มีคุณค่าสูง การซ่อมแซมที่ไม่ถูกวิธีอาจทำให้มูลค่าลดลงได้ ในประเทศไทยมีช่างฝีมือที่เชี่ยวชาญในการบูรณะงานวินเทจหลายประเภท โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่

ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์เฟอร์นิเจอร์โบราณจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ แนะนำว่า "การรักษาร่องรอยของเวลาบนชิ้นงานวินเทจบางส่วนไว้ จะช่วยเพิ่มคุณค่าและความน่าสนใจมากกว่าการพยายามทำให้ดูใหม่ทั้งหมด"

การตกแต่งบ้านด้วยของมือสองและวินเทจไม่ใช่เพียงแค่เทรนด์การออกแบบตกแต่งภายในที่กำลังได้รับความนิยม แต่ยังเป็นการสร้างพื้นที่ที่มีเอกลักษณ์และเรื่องราว ของแต่ละชิ้นที่ผ่านกาลเวลามาแล้วนำพาประวัติศาสตร์และความทรงจำมาสู่บ้านของคุณ

การเลือกของแต่งบ้านมือสองอย่างชาญฉลาด ผสมผสานกับการจัดวางที่มีศิลปะ จะช่วยให้บ้านของคุณไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังมีความหมายและเรื่องเล่าที่ไม่มีวันซ้ำใคร นี่คือหัวใจของ Home Styling ที่แท้จริง - การสร้างพื้นที่ที่สะท้อนตัวตนและรสนิยมของผู้อยู่อาศัย ผ่านการคัดสรรสิ่งของที่มีคุณค่าทั้งในแง่ประโยชน์ใช้สอยและความงามทางสุนทรียศาสตร์

Leave a comment

Your email address will not be published..

Cart

Close

Your cart is currently empty.

Start Shopping

Select options

Close