Skip to content

Welcome to Lounge Lovers Store

Lounge Lovers
Previous article
Now Reading:
"ความชื้น" ศัตรูที่มองไม่เห็น วิธี Home Styling และเลือกวัสดุป้องกันเชื้อราในเขตร้อน
Next article

"ความชื้น" ศัตรูที่มองไม่เห็น วิธี Home Styling และเลือกวัสดุป้องกันเชื้อราในเขตร้อน

ความชื้น - ศัตรูตัวร้ายในบ้านเขตร้อน

ใครที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยหรือเขตร้อนชื้นคงคุ้นเคยกับปัญหา "ความชื้น" เป็นอย่างดี ความชื้นไม่เพียงแต่ทำให้รู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว แต่ยังเป็นสาเหตุของเชื้อราที่ทำลายทั้งสุขภาพและทรัพย์สินภายในบ้าน จากสถิติพบว่า บ้านในเขตร้อนชื้นอย่างประเทศไทยมีโอกาสเกิดเชื้อราสูงถึง 70% โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน ซึ่งมีความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยสูงถึง 80-90%

การ Home Styling หรือการออกแบบตกแต่งภายในที่คำนึงถึงปัญหาความชื้นจึงไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่เป็นการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพและยืดอายุการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์และวัสดุตกแต่งบ้าน บทความนี้จะพาคุณไปเรียนรู้เทคนิคการจัดบ้านและเลือกวัสดุที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นของบ้านเรา

เข้าใจศัตรูตัวร้าย: ความชื้นและเชื้อราในบ้าน

ความชื้นในบ้านมาจากหลายแหล่ง ทั้งจากภายนอกและกิจกรรมภายในบ้าน เช่น การอาบน้ำ การทำอาหาร หรือแม้แต่การหายใจของเรา ในประเทศไทยที่มีความชื้นสัมพัทธ์เฉลี่ยสูงถึง 75% ตลอดทั้งปี การควบคุมความชื้นจึงเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง

เชื้อราเริ่มเติบโตเมื่อความชื้นสัมพัทธ์สูงกว่า 60% และอุณหภูมิอยู่ระหว่าง 25-30 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นสภาพอากาศปกติของบ้านเราเกือบตลอดทั้งปี นอกจากจะทำให้บ้านดูสกปรก มีกลิ่นอับ ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพ โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิแพ้หรือโรคทางเดินหายใจ

Home Styling เพื่อลดความชื้น: เทคนิคจัดบ้านให้โปร่งและแห้ง

การจัดวางเฟอร์นิเจอร์เพื่อการระบายอากาศที่ดี

การจัดวางเฟอร์นิเจอร์มีผลต่อการไหลเวียนของอากาศภายในบ้านอย่างมาก นักออกแบบตกแต่งภายในแนะนำให้:

  • เว้นระยะห่างระหว่างเฟอร์นิเจอร์กับผนังอย่างน้อย 5-10 ซม. เพื่อให้อากาศไหลเวียนได้ดี

  • หลีกเลี่ยงการวางเฟอร์นิเจอร์ขนาดใหญ่ปิดกั้นช่องลม หน้าต่าง หรือประตู

  • จัดวางเตียงให้ห่างจากผนังด้านนอกที่มักมีความชื้นสูง

  • ใช้ชั้นวางของแบบโปร่ง แทนตู้ทึบในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง

จากการสำรวจพบว่า บ้านที่มีการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้อากาศไหลเวียนได้ดี สามารถลดความชื้นสัมพัทธ์ภายในบ้านได้ถึง 15% เมื่อเทียบกับบ้านที่มีเฟอร์นิเจอร์แน่นขนัด

การใช้แสงธรรมชาติและการระบายอากาศ

แสงแดดเป็นศัตรูตัวฉกาจของเชื้อรา การออกแบบตกแต่งภายในที่เน้นการใช้แสงธรรมชาติจึงช่วยลดความชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

  • ใช้ผ้าม่านโปร่งแสงแทนผ้าม่านทึบ เพื่อให้แสงส่องผ่านได้

  • จัดวางกระจกเพื่อสะท้อนแสงเข้าสู่มุมอับในบ้าน

  • เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทอย่างน้อยวันละ 20-30 นาที แม้ในวันที่ใช้เครื่องปรับอากาศ

  • ติดตั้งพัดลมระบายอากาศในห้องน้ำและห้องครัว

การศึกษาจากสถาบันสุขภาพและสิ่งแวดล้อมแห่งเอเชียพบว่า บ้านที่ได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอมีโอกาสเกิดเชื้อราน้อยกว่าบ้านที่มืดทึบถึง 40%

เลือกวัสดุต้านความชื้น: กลยุทธ์ Home Styling ที่ยั่งยืน

วัสดุปูพื้นที่เหมาะกับเขตร้อนชื้น

พื้นบ้านเป็นจุดที่สัมผัสกับความชื้นโดยตรง การเลือกวัสดุปูพื้นจึงสำคัญมาก:

  • กระเบื้องเซรามิก: ทนความชื้นได้ดีเยี่ยม ทำความสะอาดง่าย และระบายความร้อนได้ดี เหมาะกับพื้นที่เปียกชื้นอย่างห้องน้ำและห้องครัว

  • หินธรรมชาติ: เช่น หินอ่อน หินแกรนิต มีความทนทานสูง แต่ต้องเคลือบผิวป้องกันความชื้นอย่างสม่ำเสมอ

  • ไม้สังเคราะห์: ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนไม้จริง แต่ทนความชื้นได้ดีกว่า

  • พื้นไวนิล: ทางเลือกราคาประหยัด ทนน้ำ ทนความชื้น และมีหลากหลายลวดลายให้เลือก

ข้อมูลจากสมาคมผู้ประกอบการวัสดุก่อสร้างไทยระบุว่า กระเบื้องเซรามิกและไวนิลเป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย โดยมีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันถึง 65%

เฟอร์นิเจอร์และวัสดุตกแต่งที่ทนความชื้น

การเลือกเฟอร์นิเจอร์และวัสดุตกแต่งที่เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้นช่วยยืดอายุการใช้งานและลดปัญหาเชื้อรา:

  • เฟอร์นิเจอร์ไม้: เลือกไม้ที่ทนความชื้นสูง เช่น ไม้สัก ไม้แดง หรือไม้เทียมที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล

  • โซฟาและเบาะ: เลือกผ้าหุ้มที่ระบายอากาศได้ดี เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน หรือผ้าสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติกันน้ำ

  • พรม: หลีกเลี่ยงพรมขนยาวที่เก็บความชื้น หากต้องการใช้พรม ให้เลือกพรมใยสังเคราะห์ที่ทำความสะอาดง่าย

  • ผ้าม่าน: เลือกผ้าที่ซักทำความสะอาดง่าย และหมั่นซักอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันเชื้อรา

ผลสำรวจจากนิตยสาร Home & Decor Thailand พบว่า 78% ของผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญกับความทนทานต่อความชื้นมากกว่าความสวยงามเมื่อเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์

สีและวัสดุเคลือบผนังต้านเชื้อรา

ผนังเป็นพื้นที่ใหญ่ที่มักพบปัญหาเชื้อรา การเลือกสีและวัสดุเคลือบผนังที่เหมาะสมช่วยป้องกันปัญหาได้:

  • สีทาภายใน: เลือกสีที่มีคุณสมบัติต้านเชื้อรา (Anti-fungal Paint) โดยเฉพาะในห้องน้ำและห้องครัว

  • วอลล์เปเปอร์: หากต้องการใช้วอลล์เปเปอร์ ให้เลือกชนิดไวนิลที่ทนความชื้นและทำความสะอาดง่าย

  • กระเบื้องผนัง: เหมาะสำหรับพื้นที่เปียกชื้น ทนทาน และมีให้เลือกหลากหลายดีไซน์

  • ไม้อัด: หากใช้ไม้อัดตกแต่งผนัง ควรเลือกชนิดที่ผ่านการอบและเคลือบสารกันความชื้น

จากข้อมูลของสมาคมผู้ผลิตสีแห่งประเทศไทย สีต้านเชื้อราช่วยลดโอกาสการเกิดเชื้อราบนผนังได้ถึง 90% เมื่อเทียบกับสีทั่วไป

เทคนิค Home Styling เพื่อควบคุมความชื้น

การใช้เครื่องดูดความชื้นและเครื่องฟอกอากาศ

เครื่องดูดความชื้นเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยควบคุมระดับความชื้นในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ:

  • ติดตั้งในห้องที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องนอน ห้องใต้ดิน หรือห้องเก็บของ

  • เลือกขนาดให้เหมาะกับพื้นที่ใช้งาน (โดยทั่วไป 1 เครื่องต่อพื้นที่ 20-30 ตารางเมตร)

  • ตั้งค่าความชื้นที่เหมาะสมประมาณ 50-60%

  • ทำความสะอาดและเปลี่ยนไส้กรองตามคำแนะนำของผู้ผลิต

นอกจากนี้ เครื่องฟอกอากาศที่มีระบบกรอง HEPA ยังช่วยกำจัดสปอร์เชื้อราในอากาศได้อีกด้วย

การใช้ต้นไม้ช่วยควบคุมความชื้น

ต้นไม้บางชนิดช่วยดูดซับความชื้นและฟอกอากาศได้ดี เป็นทางเลือกที่เป็นธรรมชาติและสวยงาม:

  • เฟิร์นบอสตัน: ดูดซับความชื้นได้ดี เลี้ยงง่าย

  • ว่านหางจระเข้: ช่วยดูดซับสารพิษและความชื้น

  • เดหลี: ทนทานต่อความชื้นสูง และช่วยฟอกอากาศ

  • แคคตัสและพืชอวบน้ำ: เหมาะสำหรับห้องที่มีความชื้นต่ำ เพราะช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ

การศึกษาจาก NASA พบว่า ต้นไม้ในบ้านไม่เพียงช่วยควบคุมความชื้น แต่ยังช่วยกรองสารพิษในอากาศได้ถึง 87%

การจัดเก็บของอย่างถูกวิธี

การจัดเก็บของอย่างเหมาะสมช่วยป้องกันความเสียหายจากความชื้นและเชื้อรา:

  • ใช้กล่องพลาสติกแทนกล่องกระดาษสำหรับเก็บของที่ไม่ได้ใช้บ่อย

  • ใส่สารดูดความชื้น เช่น ซิลิกาเจล ในตู้เสื้อผ้าและกล่องเก็บของ

  • หลีกเลี่ยงการวางของติดผนังด้านนอกที่มีความชื้นสูง

  • จัดเก็บหนังสือและเอกสารในตู้ปิดมิดชิด และใช้สารดูดความชื้น

ผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดเก็บแนะนำให้ตรวจสอบของที่เก็บไว้อย่างน้อย 3-4 เดือนต่อครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมของความชื้นและเชื้อรา

การออกแบบตกแต่งภายในที่คำนึงถึงปัญหาความชื้นไม่เพียงช่วยให้บ้านสวยงาม แต่ยังช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพและยืดอายุการใช้งานของเฟอร์นิเจอร์และวัสดุตกแต่งบ้าน

ในประเทศไทยที่มีอากาศร้อนชื้นเกือบตลอดทั้งปี การเลือกวัสดุที่เหมาะสม การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้อากาศถ่ายเท และการใช้อุปกรณ์ควบคุมความชื้นจึงเป็นกลยุทธ์ Home Styling ที่ควรให้ความสำคัญ

ความชื้นอาจเป็นศัตรูที่มองไม่เห็น แต่ด้วยการออกแบบตกแต่งภายในที่ชาญฉลาด คุณสามารถสร้างบ้านที่สวยงาม ปลอดภัย และน่าอยู่ได้แม้ในสภาพอากาศร้อนชื้นของเมืองไทย

Leave a comment

Your email address will not be published..

Cart

Close

Your cart is currently empty.

Start Shopping

Select options

Close