Skip to content

Welcome to Lounge Lovers Store

Lounge Lovers
Previous article
Now Reading:
Home Styling ตามหลัก Ergonomics: ออกแบบพื้นที่ให้เข้ากับสรีระ ลดอาการปวดเมื่อย
Next article

Home Styling ตามหลัก Ergonomics: ออกแบบพื้นที่ให้เข้ากับสรีระ ลดอาการปวดเมื่อย

ความสำคัญของการออกแบบบ้านที่เข้ากับสรีระร่างกาย

ในยุคที่หลายคนใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) หรือการใช้ชีวิตประจำวัน การออกแบบพื้นที่ภายในบ้านให้เหมาะสมกับการใช้งานและสรีระร่างกายจึงมีความสำคัญมากขึ้นกว่าที่เคย Home Styling ตามหลัก Ergonomics ไม่ใช่เพียงแค่การตกแต่งให้สวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงสุขภาพและความสบายของผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก

หลัก Ergonomics หรือการยศาสตร์ คือศาสตร์ที่ว่าด้วยการออกแบบสิ่งต่างๆ ให้เข้ากับสรีระร่างกายของมนุษย์ เพื่อลดความเครียดและการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้งานในระยะยาว การนำหลักการนี้มาประยุกต์ใช้ในการออกแบบตกแต่งภายในบ้านจะช่วยให้คุณมีพื้นที่ที่ไม่เพียงแต่สวยงาม แต่ยังเอื้อต่อการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ลดอาการปวดเมื่อย และส่งเสริมสุขภาพที่ดีในระยะยาว

หลักการพื้นฐานของ Ergonomics ในการออกแบบบ้าน

การออกแบบตกแต่งภายในตามหลัก Ergonomics มีหลักการพื้นฐานที่สำคัญดังนี้:

1. การออกแบบที่เน้นการใช้งานจริง (Functional Design)

การออกแบบที่ดีต้องเริ่มจากการเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้อยู่อาศัย ก่อนเลือกเฟอร์นิเจอร์หรือจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ควรคำนึงถึงกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นในแต่ละพื้นที่ เช่น ห้องนั่งเล่นควรออกแบบให้เอื้อต่อการพักผ่อน การสนทนา หรือการดูโทรทัศน์ ขณะที่ห้องทำงานควรเน้นความสะดวกในการทำงานและลดความเมื่อยล้า

สถิติจาก Thai Health Promotion Foundation พบว่า 65% ของคนไทยที่ทำงานออฟฟิศมีอาการปวดหลังเรื้อรัง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการออกแบบพื้นที่ทำงานที่ไม่เหมาะสม การนำหลัก Ergonomics มาใช้สามารถลดปัญหานี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. สัดส่วนที่เหมาะสมกับผู้ใช้งาน (Proper Proportions)

เฟอร์นิเจอร์และองค์ประกอบต่างๆ ในบ้านควรมีขนาดและสัดส่วนที่เหมาะสมกับผู้ใช้งาน ความสูงของโต๊ะ เก้าอี้ เคาน์เตอร์ครัว หรือแม้แต่ความสูงของการติดตั้งโทรทัศน์ล้วนมีผลต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาว

ตัวอย่างเช่น ความสูงมาตรฐานของโต๊ะทำงานสำหรับคนไทยควรอยู่ที่ประมาณ 75 เซนติเมตร แต่อาจต้องปรับให้เหมาะกับความสูงของแต่ละบุคคล เก้าอี้ควรปรับระดับได้และรองรับแผ่นหลังอย่างเหมาะสม

3. การจัดแสงที่เหมาะสม (Proper Lighting)

แสงสว่างเป็นปัจจัยสำคัญในการออกแบบตามหลัก Ergonomics แสงที่ไม่เพียงพอหรือมากเกินไปสามารถก่อให้เกิดความเครียดต่อดวงตาและส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม การผสมผสานระหว่างแสงธรรมชาติและแสงประดิษฐ์อย่างเหมาะสมจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีต่อสุขภาพ

การศึกษาจาก Department of Health ประเทศไทย แนะนำว่าพื้นที่ทำงานควรมีความเข้มของแสงประมาณ 300-500 ลักซ์ ขณะที่พื้นที่อ่านหนังสือควรมีความเข้มแสงประมาณ 500-700 ลักซ์

การประยุกต์ใช้ Ergonomics ในแต่ละพื้นที่ของบ้าน

ห้องนั่งเล่น: พื้นที่พักผ่อนที่เป็นมิตรกับร่างกาย

ห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ที่ใช้เวลาอยู่นานในแต่ละวัน การออกแบบตามหลัก Ergonomics จึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง:

  • โซฟาและเก้าอี้นั่งเล่น: ควรเลือกโซฟาที่มีความลึกพอเหมาะ รองรับแผ่นหลังได้ดี และมีความสูงที่เหมาะสม ความสูงของที่นั่งควรอยู่ที่ประมาณ 40-45 เซนติเมตรจากพื้น เพื่อให้เท้าวางราบกับพื้นได้สบาย

  • โต๊ะกลาง: ควรมีความสูงใกล้เคียงกับความสูงของที่นั่งโซฟา เพื่อให้หยิบจับสิ่งของได้สะดวกโดยไม่ต้องก้มหรือเอื้อมมากเกินไป

  • การจัดวางโทรทัศน์: ควรติดตั้งในระดับสายตาเมื่อนั่งบนโซฟา เพื่อลดการเงยหรือก้มคอมากเกินไป ระยะห่างที่เหมาะสมคือประมาณ 2-3 เท่าของขนาดหน้าจอ

ห้องครัว: พื้นที่ทำอาหารที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย

ห้องครัวเป็นพื้นที่ที่ต้องการความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการใช้งานสูง:

  • ความสูงของเคาน์เตอร์: ความสูงมาตรฐานสำหรับคนไทยควรอยู่ที่ประมาณ 80-85 เซนติเมตร แต่อาจปรับให้เหมาะกับความสูงของผู้ใช้งานหลัก

  • หลักการสามเหลี่ยมการทำงาน: จัดวางตู้เย็น อ่างล้างจาน และเตาให้อยู่ในรูปแบบสามเหลี่ยม เพื่อให้การเคลื่อนไหวในครัวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

  • พื้นที่เก็บของ: ควรจัดเก็บอุปกรณ์ที่ใช้บ่อยในระดับที่หยิบใช้ได้สะดวก ไม่ต้องก้มหรือเอื้อมมากเกินไป

การวิจัยจาก Thailand Interior Designers' Association พบว่า การออกแบบครัวตามหลัก Ergonomics สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุในครัวได้ถึง 40%

ห้องทำงาน: พื้นที่ที่ส่งเสริมประสิทธิภาพและลดความเมื่อยล้า

ในยุคที่การทำงานจากบ้านกลายเป็นเรื่องปกติ การออกแบบห้องทำงานที่บ้านตามหลัก Ergonomics จึงมีความสำคัญมากขึ้น:

  • โต๊ะทำงาน: ความสูงที่เหมาะสมคือประมาณ 75 เซนติเมตร หรือในระดับที่เมื่อนั่งแล้ว แขนวางบนโต๊ะทำมุม 90 องศากับลำตัว

  • เก้าอี้ทำงาน: ควรเลือกเก้าอี้ที่ปรับระดับได้ มีพนักพิงรองรับแผ่นหลังส่วนล่าง และมีที่วางแขน

  • การจัดวางหน้าจอคอมพิวเตอร์: ควรวางในระดับสายตาหรือต่ำกว่าเล็กน้อย ระยะห่างประมาณ 50-70 เซนติเมตร

  • แสงสว่าง: ควรมีทั้งแสงโดยรวมและแสงเฉพาะจุด โดยหลีกเลี่ยงแสงสะท้อนบนหน้าจอ

สถิติจาก Department of Occupational Health แสดงให้เห็นว่า การนั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้องเป็นสาเหตุหลักของอาการปวดหลังและคอในกลุ่มคนทำงานออฟฟิศ การปรับปรุงสถานที่ทำงานตามหลัก Ergonomics สามารถลดอาการเหล่านี้ได้ถึง 70%

ห้องนอน: พื้นที่พักผ่อนที่ส่งเสริมการนอนหลับที่มีคุณภาพ

ห้องนอนเป็นพื้นที่สำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการนอนและสุขภาพโดยรวม:

  • เตียงนอน: ควรเลือกที่นอนที่รองรับสรีระร่างกายได้ดี ไม่นุ่มหรือแข็งเกินไป ความสูงของเตียงควรอยู่ที่ประมาณ 45-50 เซนติเมตรจากพื้น

  • หมอน: ควรเลือกหมอนที่รองรับต้นคอได้ดี ไม่สูงหรือต่ำเกินไป

  • การจัดวางเฟอร์นิเจอร์: ควรจัดวางให้มีพื้นที่เคลื่อนไหวได้สะดวก โดยเฉพาะทางเดินรอบเตียง

  • แสงและเสียง: ควรออกแบบให้สามารถควบคุมแสงและเสียงรบกวนได้ดี เพื่อส่งเสริมการนอนหลับที่มีคุณภาพ

การศึกษาจาก Sleep Research Society of Thailand พบว่า การนอนบนที่นอนที่เหมาะสมกับสรีระร่างกายสามารถเพิ่มคุณภาพการนอนหลับได้ถึง 35%

เทคนิคการเลือกเฟอร์นิเจอร์ตามหลัก Ergonomics

การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกต้องเป็นส่วนสำคัญของการออกแบบตกแต่งภายในตามหลัก Ergonomics:

1. พิจารณาขนาดและสัดส่วนที่เหมาะสม

เฟอร์นิเจอร์ควรมีขนาดที่เหมาะสมกับทั้งพื้นที่และผู้ใช้งาน ก่อนซื้อควรวัดขนาดพื้นที่และทดลองนั่งหรือใช้งานจริงเพื่อให้มั่นใจว่าเหมาะสมกับสรีระร่างกาย

2. เลือกวัสดุที่เป็นมิตรต่อสุขภาพ

ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ผลิตจากวัสดุที่ปลอดภัย ไม่ปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตราย และง่ายต่อการทำความสะอาด

3. คำนึงถึงความยืดหยุ่นในการใช้งาน

เฟอร์นิเจอร์ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการจะช่วยให้สามารถปรับให้เข้ากับสรีระร่างกายของผู้ใช้งานได้ดียิ่งขึ้น เช่น เก้าอี้ที่ปรับระดับได้ โต๊ะที่ปรับความสูงได้ เป็นต้น

การปรับปรุงบ้านที่มีอยู่แล้วให้เป็นไปตามหลัก Ergonomics

สำหรับผู้ที่ไม่สามารถออกแบบบ้านใหม่ทั้งหมด สามารถปรับปรุงพื้นที่ที่มีอยู่แล้วให้เป็นไปตามหลัก Ergonomics ได้ดังนี้:

1. ปรับปรุงพื้นที่ทำงาน

  • เพิ่มเก้าอี้ที่รองรับหลังได้ดีและปรับระดับได้

  • ใช้แท่นวางหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อปรับให้อยู่ในระดับสายตา

  • ใช้ที่รองข้อมือเมื่อใช้คีย์บอร์ดและเมาส์

2. ปรับปรุงพื้นที่นั่งเล่น

  • เพิ่มหมอนรองหลังหรือเอวเพื่อเพิ่มการรองรับ

  • ปรับความสูงของโทรทัศน์ให้อยู่ในระดับสายตา

  • จัดวางโต๊ะกลางให้อยู่ในระยะที่เอื้อมถึงได้สะดวก

3. ปรับปรุงห้องนอน

  • เปลี่ยนที่นอนหรือเพิ่มที่รองที่นอนที่เหมาะสมกับสรีระร่างกาย

  • เลือกหมอนที่รองรับต้นคอได้ดี

  • ปรับระดับแสงให้เหมาะสมกับกิจกรรมต่างๆ ในห้องนอน

Home Styling ตามหลัก Ergonomics ไม่ใช่เพียงแค่เทรนด์การออกแบบตกแต่งภายในที่กำลังได้รับความนิยม แต่เป็นแนวคิดที่มีความสำคัญต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตในระยะยาว การออกแบบพื้นที่ให้เข้ากับสรีระร่างกายไม่เพียงแต่ช่วยลดอาการปวดเมื่อย แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำกิจกรรมต่างๆ และส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี

การลงทุนกับการออกแบบตกแต่งภายในตามหลัก Ergonomics อาจมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการออกแบบทั่วไปในระยะสั้น แต่ผลลัพธ์ในระยะยาวทั้งในแง่ของสุขภาพและความคุ้มค่าจะคุ้มค่ากับการลงทุนอย่างแน่นอน

เริ่มต้นจากการปรับปรุงพื้นที่ที่ใช้งานบ่อยที่สุดก่อน และค่อยๆ ขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ ในบ้าน การเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถสร้างความแตกต่างอย่างมากต่อคุณภาพชีวิตของคุณและครอบครัว

Leave a comment

Your email address will not be published..

Cart

Close

Your cart is currently empty.

Start Shopping

Select options

Close